ธปท.เปิดข้อมูลธนบัตรที่ระลึกในรัชกาลที่ ๙ อันทรงคุณค่า

กทม. 15 พ.ย.- เฟซบุ๊ก ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดรายละเอียดความหมาย-ข้อมูลของสัญลักษณ์ และภาพที่ปรากฏอยู่บนธนบัตรที่ระลึกในรัชกาลที่ 9 ทั้ง 3 ชุด ได้แก่ ธนบัตรที่ระลึก 50 ปี ครองราชย์, ธนบัตรที่ระลึก 84 พรรษา รัชกาลที่ 9 และ ธนบัตรที่ระลึก 70 ปีที่ทรงครองราชย์


► ธนบัตรที่ระลึก 50 ปี ครองราชย์

นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย พระองค์ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจและที่สรรเสริญยกย่องของประชาชนทุกหมู่เหล่า ด้วยเพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของมหาราชกษัตริย์ ซึ่งดำรงอยู่ในธรรมาภิบาล เพียบพร้อมด้วยคุณูปการและพระปรีชาสามารถ อีกทั้งยังทรงยึดถือความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรเป็นที่ตั้ง โดยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดมา ดังนั้น ในปี 2539 แบงก์ชาติจึงได้จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเป็นสิ่งย้ำเตือนให้ประชาชนได้ระลึกถึงพระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพของพระองค์


15036701_356706484678785_9000456387639960589_n

ธนบัตรที่ระลึกแบบพิเศษ ชนิดราคา 500 บาท เริ่มจ่ายแลกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2539 จำนวน 1,000,000 ฉบับ ทุกฉบับมีเลข 50 นำหมวดเลขหมาย ซึ่งหมายถึง 50 ปีแห่งการครองราชย์ และเป็นธนบัตรที่มีการพิมพ์บนวัสดุพอลิเมอร์เป็นครั้งแรก

14956503_356706488012118_4114905770031869983_n


จุดที่ 5 ผนึกฟอยล์สีทองพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ล้อมรอบด้วยพื้นที่ใสซึ่งมองทะลุผ่านได้ โดยปริมณฑลหลังพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์จะเปลี่ยนสีสะท้อนแสงวาววับเมื่อพลิกธนบัตรไปมา เรียกว่า Optically Variable Device (OVD) นับเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและเป็นลักษณะพิเศษต่อต้านการปลอมแปลง ความสุกสว่างของ OVD สีทองสื่อความหมายแห่งพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ภายในเนื้อวัสดุ มีรูปตราจักรีซ่อนอยู่ที่เบื้องขวาของพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ มองเห็นได้ทั้งสองด้านเมื่อยกธนบัตรขึ้นส่องดูกับแสงสว่าง

14991786_356706528012114_2596711527909234054_n

การดูแลทุกข์สุขของราษฎรทั่วราชอาณาจักรเป็นพระราชภาระที่สำคัญ ในการเสด็จทรงงานแต่ละครั้ง พระองค์จึงทรงใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อบันทึกข้อมูลและติดตามสถานการณ์ ได้แก่ แผนที่ ดินสอ กล้องถ่ายรูป และวิทยุสื่อสาร

ทรงมีความเชื่อมั่นว่า เมื่อใดที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องน้ำเพื่อการบริโภคและอุปโภคแล้ว เมื่อนั้นราษฎรย่อมจะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม พระองค์จึงโปรดให้จัดตั้งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศเกือบพันโครงการ

15037316_356706544678779_9145861408798916791_n

 จุดที่ 10 ด้วยพระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของผิวดิน จึงมีพระราชดำริในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝก ทำให้สามารถใช้ที่ดินนั้นทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้ ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำด้วย และเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ธนาคารโลกได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลรากหญ้าแฝกชุบทองสำริด ซึ่งเป็นรางวัลสดุดีพระเกียรติคุณในฐานะผู้อนุรักษ์ดินและน้ำดีเด่น

จุดที่ 11 ทรงริเริ่มให้มีการพัฒนาที่ดินว่างเปล่าเพื่อจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน รวมทั้งโปรดให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาเพื่อหาวิธีการเพาะปลูกให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ทรงเน้นให้เพาะปลูกพืชที่เป็นที่นิยมของตลาด เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของท้องถิ่น ควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม

14991815_356706551345445_7250832093510844166_n

► ธนบัตรที่ระลึก 84 พรรษา รัชกาลที่ 9

ในปี 2554 แบงก์ชาติได้พิมพ์ธนบัตรธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ชนิดราคา 100 บาท จำนวน 9,999,999 ฉบับ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมเผยแผ่พระเกียรติคุณ พระบุญญาธิการของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การออกแบบมีความสวยงาม โดดเด่น และมีความพิเศษแตกต่างจากธนบัตรทั่วไป คือ ขนาดธนบัตรกว้าง 84 มิลลิเมตร หมายถึงพระชนมพรรษา 84 พรรษา ยาว 162 มิลลิเมตร เมื่อบวกตัวเลขความยาวธนบัตร (1+6+2) ผลรวมจะเท่ากับ 9 หมายถึง รัชกาลที่ 9

14956636_357322134617220_555891746803973685_n

ธนบัตรด้านหน้ามีภาพประธาน เป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบนลายพื้นสีเหลือบทอง ธนบัตรทุกฉบับมีเลข 9 นำหน้าหมวดอักษรไทย ธ ซึ่งหมายถึง พระมหากษัตริย์ ตามด้วยเลขหมายจำนวน 7 หลัก

15032128_357322034617230_6378561285755589618_n

14925753_357322074617226_4849392113392617067_n

จุดที่ 4 ทรงเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฎร ดังกระแสพระราชดำรัส “…หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้…”

จุดที่ 5 ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ทรงพัฒนาพื้นที่บนเขาโดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ที่เป็นแหล่งปลูกฝิ่น ให้เป็นพื้นที่การเกษตร สนับสนุนและอบรมให้กลุ่มชาวเขาปักหลักอยู่กับที่ หยุดการทำไร่เลื่อนลอย เลิกการปลูกฝิ่น และหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจแบบเมืองหนาวแทน

15032885_357322137950553_7370008119431432388_n

จุดที่ 6 ทรงศึกษาดนตรีมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งยังทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิดตั้งแต่เปียโน กีตาร์ ฟลุต ไวโอลิน ฯลฯ แต่ที่โปรดมาก คือ แซ็กโซโฟน คลาริเน็ต และทรัมเป็ต นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถในการพระราชนิพนธ์ทำนอง คำร้อง เป็นบทเพลง ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่า 40 เพลง ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอันเป็นที่ประจักษ์ สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตรเกียรติคุณชั้นสูง โดยให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ และจารึกพระปรมาภิไธยบนแผ่นหินอ่อนของสถาบัน เมื่อพุทธศักราช 2507 นับว่าทรงเป็นชาวเอเชียพระองค์แรกที่เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันการดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน” ในฐานะที่ทรงเป็นเลิศในศิลปะทั้งปวง เมื่อพุทธศักราช 2529

15032324_357322194617214_100719107487030759_n

จุดที่ 9 ฝนหลวง เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชดำริขึ้น เมื่อพุทธศักราช 2498 ในขณะที่เสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงพบเห็นความทุกข์ยากของราษฎรอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของฝนธรรมชาติ จึงทรงคิดวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการทำฝนหลวง ทรงคิดประดิษฐ์ภาพตำราฝนหลวง และเทคนิคการโจมตีเมฆแบบใหม่ที่เรียกว่า “ซูเปอร์แซนด์วิช” ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและได้ปริมาณน้ำฝนมากยิ่งขึ้น และโครงการพระราชดำริฝนหลวงนี้ยังได้รับรางวัลเหรียญทองเชิดชูเกียรติ และหนังสือประกาศเกียรติคุณในฐานะเป็นโครงการดีเด่นด้านสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน จากงานแสดงนิทรรศการและการประกวดนวัตกรรมทางเทคโนโลยี Brussels Eureka 2001 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อพุทธศักราช 2544

จุดที่ 8 โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง จ.พิษณุโลก รวมถึงพื้นที่บางส่วนของ จ.พิจิตร ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ทั้งยังเจอปัญหาอุทกภัยรุนแรงที่สร้างความเสียหายให้พื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.พิษณุโลกเป็นประจำทุกปี “เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน” เป็นชื่อพระราชทาน มีความหมายว่า เขื่อนแควน้อยที่ทำให้มีความเจริญขึ้นในเขตพื้นที่

14915276_354074158275351_4729603269369879390_n

► ธนบัตรที่ระลึก 70 ปีที่ทรงครองราชย์

แบงก์ชาติได้จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 ชนิดราคา 70 บาท จำนวน 20 ล้านฉบับ และจ่ายแลกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยแนวคิดการออกแบบ “จากวันนั้น…ถึงวันนี้ 70 ปี ที่ทรงครองราชย์” เพื่อน้อมนำจิตใจของปวงชนชาวไทยให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นอเนกประการตลอด 70 ปี ทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วทุกแห่งของประเทศ แม้ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและหาแนวทางในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข จนเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรชาวไทยและทั่วโลกว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกป้องคุ้มครองประเทศชาติและประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา และพระองค์จะทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งแผ่นดินตราบนิรันดร์

11224681_354074144942019_2750108617262901384_n

14900539_354074171608683_5885999468251006344_n

ภาพประธานแสดงถึงความสง่างาม ความเป็นพระมหากษัตริย์ พระบุญญาบารมี และมีความใกล้เคียงกับช่วงพระชนมพรรษาในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงยืนเบื้องหน้าพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ

พระที่นั่งภัทรบิฐเป็นพระราชอาสน์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชประทับทรงรับการถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระที่นั่งไพศาลทักษิณเป็นพระที่นั่งสำคัญซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายในพระที่นั่งประดิษฐานพระราชอาสน์สำหรับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยเฉพาะ ได้แก่ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้สัปตปฎลเศวตฉัตร และพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร

14908246_354074208275346_1825613972044690820_n

พระบรมสาทิสลักษณ์ที่งดงามนี้วาดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2503-2505 จึงแสดงถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อครั้งที่ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 33-35 พรรษา ทรงยืนเบื้องหน้าพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมสาทิสลักษณ์นี้วาดด้วยสีน้ำมัน มีขนาด 272 X 150 เซนติเมตร ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง

พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์เป็นพระราชอาสน์ที่พระมหากษัตริย์ประทับในงานสำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นต้น ทำด้วยไม้แกะสลักหุ้มทองทั้งองค์ มีรูปเทพนมและครุฑประดับ 2 ชั้น พระที่นั่งองค์นี้สามารถเชิญไปทอดบนพระแท่นราชบัลลังก์ในพระที่นั่งต่าง ๆ ได้ และยังใช้เป็นพระราชยานในการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค เรียกว่า พระที่นั่งราชยานพุดตานทอง

พระบรมสาทิสลักษณ์นี้วาดโดย ระเด่น บาซูกิ อับดุลลาห์ (Raden Basoeki Abdullah) ศิลปินชาวอินโดนีเซีย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสนพระราชหฤทัยในงานศิลปะสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านจิตรกรรม พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ให้มีจิตรกรประจำราชสำนัก ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ระเด่น บาซูกิ อับดุลลาห์ เดินทางเข้ามาเป็น จิตรกรประจำราชสำนักไทย ระหว่างพุทธศักราช 2503-2513 โดยปฏิบัติงานทั้งในพระบรมมหาราชวังและพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เนื่องจากศิลปินท่านนี้มีแนวการสร้างสรรค์งานเป็นแบบแนวเหมือนจริง จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เขียนพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศ์ไว้เป็นจำนวนมาก

14956462_354074264942007_6373347774961475000_n

อักษรพระปรมาภิไธย ภปร. สีเหลืองนวลทอง เป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ ขอบริมอักษรสีทองบนพื้นสีขาบเข้ม (น้ำเงินแก่) เป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในกรอบลายทองปนนากมีลายเนื่องสีทองมากกว่า 70 ดวง เป็นการถวายพระพร ให้ทรงสถิตดำรงในสิริราชสมบัติมากกว่าปีที่ 70 ให้สถาพรโดยสวัสดีเป็นอเนกอนันต์ ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใด

14937273_354074261608674_3579419225410077807_n  14956559_354074294942004_6312360593476898457_n

14963372_354074328275334_2776443145824537060_n

14956379_354074334942000_989022209625957852_n

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Bank of Thailand 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]

ลุ้นมติแพทยสภาวันนี้ ปมลงโทษ 3 หมอกรณีชั้น 14

กทม. 12 มิ.ย.-ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เริ่มการประชุมแล้ว โดยวาระที่ต้องจับตา คือการลงมติชี้ขาดโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กรรมการแพทยสภา เริ่มทยอยเดินทางเข้าห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภา จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของทุกเดือน โดยวันนี้มีวาระที่สังคมจับตา คือการพิจารณามติลงโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร บนชั้น 14 หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วีโต้คัดค้านความเห็นมติการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 รายในการประชุมครั้งที่แล้ว โดยวันนี้มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ จะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมในเวลา 12.00 น. โดยมีเวลา 15 นาทีในการชี้แจง จากนั้นต้องออกจากห้องประชุมทันที เพราะเป็นการประชุมลับ รศ.พญ.ประสบศรี อึ่งถาวร หนึ่งในกรรมการแพทยสภาโดยเลือกตั้ง ให้ข้อมูลก่อนเข้าประชุมว่า การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาจะเข้าร่วมการประชุม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมา […]

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]