บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ. ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้(23-27 ม.ค.)จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น จากการประชุมผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก 21-22 ม.ค.ค. เพื่อติดตามผลของการปรับลดกำลังการผลิตว่าจะสามารถปรับลดกำลังการผลิตได้ตามข้อตกลงหรือไม่
นาย Khalid al-Falih รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย เผยว่าล่าสุดผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกได้ปรับลดกำลังการผลิตลงแล้ว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วน ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 52.42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.04 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 55.49 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐฯ จากแรงกดดันของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานของสหรัฐฯ (Shale Oil) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. 60 มาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ประมาณ 4.748 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น
นาย Bjarne Schieldrop หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ SEB Markets คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์โดยภาพรวมเริ่มปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยกรอบราคาอยู่ที่ 50 ถึง 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก แต่ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นไม่ได้มาก เพราะยังถูกกดดันจากปริมาณการผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบรายงานโดย Baker Hughes สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 20 ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 29 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 551 แท่น ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี-สำนักข่าวไทย