กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-พล.อ.ประวิตร เผย ที่ประชุม GBC ไทย-ลาว ห่วงระเบิดแก่งโขงกระทบทางน้ำธรรมชาติ เตรียมส่งเลขาธิการสมช.หารือกรณีบางกลุ่มใช้วิทยุลาวกระทบมั่นคงไทย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว (GBC) ครั้งที่ 23 ที่โรงแรมอนันตรา สยาม โดยมีพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายทหารระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วมประชุม
การประชุมครั้งนี้จะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทบทวนและประเมินผลของการปฏิบัติร่วมในห้วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคง เช่น ปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ และการป้องกันก่อการร้ายสากลด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงผลการประชุมว่า เป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนและดูแลความสงบของประชาชน 2 ประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านความมั่นคงให้เป็นรูปธรรมและเป็นจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังหารือความร่วมมือด้านการกีฬา การศึกษา ยาเสพติด เพื่อให้ประชาชน 2 ประเทศเชื่อมั่นการทำงานเจ้าหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยตามแนวชายแดน รวมทั้งหารือข้อกังวลของ 2 ประเทศ กรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนจะระเบิดแก่งหินในบริเวณแม่น้ำโขง เพราะเกรงว่าจะทำให้ทางน้ำและร่องน้ำเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลไปถึงผลกระทบเรื่องเขตแดน แต่ห่วงเรื่องทางน้ำตามธรรมชาติที่จะเปลี่ยนแปลงมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต
“ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศสปป.ลาว เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มที่ใช้คลื่นวิทยุในสปป.ลาว เผยแพร่เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคงในประเทศไทย ซึ่งสปป.ลาวยินดีให้ความร่วมมือ และไทยพร้อมร่วมมือกับสปป.ลาว หากร้องขอให้ติดตามบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและหลบหนีเข้ามาในไทยเช่นกัน ทั้งนี้ ได้มอบให้พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสมช.เดินทางไปหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงของสปป.ลาวในอีก 2 วันนี้ ซึ่งจะนำกรณีนี้ไปหารือด้วย” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ทวีป กล่าวถึงการเตรียมการเยือนสปป.ลาวเพื่อตรวจสอบกลุ่มคนที่กระทำความผิด ซึ่งสิ่งที่ไปขอความช่วยเหลือนั้น จะต้องศึกษาในข้อกฎหมายด้วยว่าจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด โดยจะไปบอกกล่าวถึงสิ่งที่กำลังเป็นประเด็น ขัดความรู้สึกของประชาชนไทย และขอให้ช่วยดำเนินการ แต่ยังไม่ถึงขั้นผลักดันออกจากสปป.ลาว ทั้งนี้ ยังไม่คาดหวังในสิ่งใด ๆ ต้องหารือกันก่อน
“ที่ผ่านมามีการข่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า มีบุคคลที่จะต้องจับตามอง ไปเคลื่อนไหวในสปป.ลาวและในต่างประเทศ ซึ่งทางไทยได้จัดเจ้าหน้าที่ คอยจับตาดูอยู่ และจะปล่อยให้บุคคลนั้น ๆ ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ซึ่งการข่าวยืนยันว่า กลุ่มบุคคลเหล่านั้นทำผิดกฎหมายของไทย ขณะเดียวกันต้องศึกษาด้วยว่า ไทยกับสปป.ลาวมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ และหลังจากการเยือนครั้งนี้จะนำข้อสรุปการหารือมานำเรียนรองนายกรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง” เลขาธิการสมช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย