โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตันฯ 16 พ.ย.-“พล.อ.วิทวัส” เปิดการประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศครั้งที่ 11 ขอทุกประเทศเข้มแข็ง รับมือการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้านผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐนามิเบีย ระบุต้องไม่เกรงกลัวต่ออำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเปิดการประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่อประเทศนานัปการ ทรงทุ่มเท มีโครงการในพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นกษัตริย์ที่ประชาชนถือว่าเป็นพ่อของแผ่นดิน และทรงยึดพระปฐมบรมราชโองการของพระองค์ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ในการปกครองประเทศ รวมถึงปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งให้ความสำคัญกับผู้ใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ราชการ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชนด้วย ทั้งนี้การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นความสูญเสียของประชาชนทั้งประเทศไทย
จากนั้นที่ประชุมฯ ได้ร่วมยืนสงบนิ่งแสดงความอาลัยเป็นเวลา 89 วินาที
พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งประเทศไทย เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและสอบหาข้อเท็จจริงจากข้อร้องเรียน กรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของข้าราชการ พนักงานหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ และตรวจสอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์กรอิสระ แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การบริหารประเทศของ คสช. แต่อำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 และมีอิสระในการทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในยุคโลกาภิวัตน์ประชาชนคาดหวังการทำหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินว่าจะเป็นไปด้วยความเข้มแข็ง ถือเป็นความท้าทายในหลายมิติและเป็นความซับซ้อนมากขึ้น ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องหามาตรการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมต้องเปิดกว้างให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นได้
ด้านนายจอห์น โรเบิร์ต วอลเตอร์ส ประธานสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศและผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐนามิเบีย กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาร่วมการประชุม โดยการประชุมครั้งนี้มีจุดประสงค์เดียวกันในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และถือเป็นวิวัฒนาการของการเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินในรอบ 30 ปี ที่ได้มาจัดในเอเชีย ถือว่าเป็นดินแดนของความอิสระ และสถานการณ์โลกในปัจจุบันเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องไม่ควรก้มหน้าให้ใครแม้จะเป็นหน้าประตูของผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศก็ตาม ซึ่งผู้ตรวจการต้องยืนหยัดไม่กลัวต่ออำนาจ เพื่อทำให้เกิดความถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขณะนี้กำลังเผชิญความท้าทาย ดังนั้นต้องร่วมกันคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจ มีทรัพยากร มีอิสระเพียงพอหรือไม่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินต้องร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน.-สำนักข่าวไทย