ยธ.10ก.พ.-ที่ประชุมร่วมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหนี้นอกระบบ เตรียมตั้งคกก.แก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีรมว.ยุติธรรม ประธาน แต่ขณะนี้ให้รวบรวมข้อมูลทุกฝ่าย จัดอันดับกลุ่มหนี้นอกระบบ ตั้งเป้า3เดือนเห็นผล
พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) กล่าวภายหลังการประชุม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีและแนวทางการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบ ว่า เบื้องต้นจะต้องแต่งตั้งผู้ประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น รวมทั้งเพื่อกำหนดรูปแบบการทำงาน ต้องมาพิจารณาว่าใครดูแลรับผิดชอบด้านไหน โดย เฉพาะกรณีมีผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ ซึ่งอาจต้องใช้กฎหมายพิเศษเข้ามาดำเนินการ รวมถึงควรต้องนำกฎหมายฟอกเงิน และการดำเนินการเรื่องภาษี มาใช้ประกอบเพิ่มเติมด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ เดิมทีในเรื่องนี้แต่ละหน่วยงานต่างฝ่ายต่างทำงาน ส่งผลไม่สามารถทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง วันนี้ที่ประชุมได้เสนอ ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยให้ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานและให้นำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยในคณะกรรมการจะให้ ดีเอสไอเป็นเลขานุการ ส่วนผู้ช่วยเลขานุการจะให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ทั้ง ปปง.,กรมสรรพากร มารับหน้าที่ เพราะที่ผ่านมาเวลาที่ส่งหนังสือราชการ ถึงแต่ละหน่วยงานทำกันทำได้ค่อนข้างช้า แต่หากมีกรรมการชุดนี้จะสามารถใช้การประสานข้อมูลได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามระหว่างที่รอตั้งคณะกรรมการ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันจัดอันดับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ โดย อย่างน้อยภายใน 3 เดือนต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการต่อไปในอนาคต
ส่วนกลุ่มเงินกู้นอกระบบของนายวิชัย ปั้นงามนั้น พ.ต.อ.ดุษฏี กล่าวว่า ใน ส่วนของทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่ที่ทำคดีนี้ รายงานว่ายิ่งทำไป ยิ่งได้เบาะแสทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มนายวิชัยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงทรัพย์ที่กลุ่มนี้ครอบครองมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนที่ทำคดีจะได้หารือและปรึกษากับอัยการเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องอีกกว่า1,000 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างหว่างตรวจสอบข้อมูลบุคคลโดยการออกหมายจับต้องไม่ผิดตัว ยืนยันใครอยู่ในขบวนการต้องจับกุมทั้งหมด ส่วนเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดที่ยึดได้ที่ผ่านมาคือต้องรอคณะกรรมการสอบสวน รวบรวมข้อมูลก่อนจะสรุปให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย