กรุงเทพฯ 17 ก.พ. – ปตท.เผยกำไรปี 2559 กว่า 94,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74,600 ล้านบาท จาก 19,900 ล้านบาทในปี 2558 เร่งแผนลงทุน LNG เสริมมั่นคง คาดราคาน้ำมันปี 60 อยู่ระดับ 50-55 ดอลลาร์ฯ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ปี 2559 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 94,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74,673 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 100 จาก 19,936 ล้านบาทในปี 2558 สาเหตุจากมีขาดทุนจากการด้อยค่า ซึ่งปี 2558 บริษัทในเครือรับรู้การด้อยค่าสูงกว่าปี 2559 โดยผลดำเนินงานของ ปตท.ปรับเพิ่มขึ้นมากในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และ NGV รวมถึงกำไรจากสตอกน้ำมัน สำหรับบริษัทในกลุ่มเพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ สำหรับภาพรวมของปิโตรเคมีและการกลั่นเพิ่มขึ้น โดยหลักจากปิโตรเคมี สายอะโรเมติกส์ที่มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น และ ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานของโรงกลั่นโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นจาก Accounting GRM ที่เพิ่มขึ้นในทุกโรงกลั่น เนื่องจากกำไรสตอกน้ำมัน แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปปรับลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์
ขณะที่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ผลการดำเนินงานลดลงจากปี 2558 จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ามันดิบในตลาดโลก และขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียม ค่าภาคหลวงและค่าตอบแทนปิโตรเลียมก็ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้กลุ่ม ปตท.มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนปี 2559 เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ยืมต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปตท.จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการ LNG และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากงบลงทุนขยายธุรกิจช่วง 5 ปี (ปี 2560-2564) ประมาณ 193,000 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 339,000 ล้านบาท มีแผนการเติบโตธุรกิจ LNG Terminal เพื่อรองรับปริมาณการใช้ก๊าซฯ ในประเทศ ระยะยาวมีการลงทุนขยายโครงการ LNG terminal ปัจจุบัน เพื่อรองรับก๊าซฯ รวม 10 ล้านตันต่อปี คาดว่าเสร็จปี 2560 และจะมีการลงทุนโครงการก่อสร้าง LNG Terminal แห่งใหม่ที่รองรับความต้องการก๊าซฯ ในอนาคต ทั้งนี้ ปตท.มีการจัดหา LNG ด้วยสัญญาระยะยาวเพิ่มจากสัญญา Qatargas ที่มีอยู่ภายในปี 2560 และมีแผนที่จะมี LNG contract ในสัญญาระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ ของแผนการนำเข้า LNG ทั้งหมด
ส่วนความต้องการใช้น้ำมันของโลกปี 2560 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันไปอยู่ที่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามรายงานของ IEA ณ เดือน มกราคม 2560 โดยมาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และกาลังพัฒนาเป็นหลัก ขณะที่ความต้องการใช้น้ามันของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วคาดว่าทรงตัวจากปีก่อน สำหรับการผลิตน้ำมันดิบคาดว่าสภาวะอุปทานล้นตลาดจะลดลงจนตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้งจากความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลการปฏิบัติตามข้อตกลง รวมถึงการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐอเมริกา อิหร่าน ไนจีเรีย และลิเบียต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงอยู่ในระดับต่ำประมาณ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล .-สำนักข่าวไทย