นนทบุรี 20 ก.พ. – รองนายกรัฐมนตรีสั่งพาณิชย์เร่งผลักดันส่งออกปีนี้โตร้อยละ 5 จากเป้าเดิมร้อยละ 3 เน้นเอกชนต้องมีบทบาทดันส่งออก และออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น อย่าห่วงตัวเลขคาดการณ์ของหน่วยงานสากลที่ประเมินไทยต่ำ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายในการผลักดันการส่งออกกับทูตพาณิชย์ 64 แห่งทั่วโลก พร้อมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ตั้งเป้าหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการปีนี้ขยายตัวร้อยละ 5 จากเดิมร้อยละ 3 เพื่อเป็นแรงผลักดันการทำงานและไม่อยากให้นำตัวเลขการคาดการณ์จากองค์กรหรือหน่วยงานสากล จากภายนอกมาใช้ในการกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทย เพราะเศรษฐกิจแต่ละประเทศต่างกัน และไทยมีศักยภาพ ประกอบกับภาวะการค้าและสินค้าในการส่งออกของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ซึ่งการส่งออกเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 60-70 ของจีดีพี มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ หากผลักดันได้ดี ก็จะทำให้เศรษฐกิจยิ่งฟื้นตัวเร็ว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของคนในประเทศดีขึ้นตามเช่นกัน
“การขยับเป้าส่งออกให้โตร้อยละ 5 รู้ว่าต้องด่าผมในใจแน่ ๆ ตั้งมาได้ยังไง แต่ถ้าไม่ตั้งเป้าหมายไว้สูง ประเทศก็เดินไม่ได้ ถือเป็นอัตราการเติบโตแบบท้าทายและปีนี้ต้องสู้อย่างเต็มที่ ” นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ ต้องปรับแผนและการบริหารจัดการด้านส่งออกเชิงรุก เน้นการเจาะตลาดเป็นรายกลุ่มสินค้า ตามที่ประเทศคู่ค้าต้องการ เพื่อให้การส่งออกเดินหน้าเร็ว ไม่ต้องรอการเจรจาเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ทั้งฉบับ เพราะจะทำให้การค้าล่าช้าออกไป นอกจากนี้ เอกชนต้องเข้ามามีบทบาทในการผลักดันการส่งออก รวมทั้งออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพราะมั่นใจศักยภาพเอกชนไทยที่ช่วยผลักดันจนทำให้การส่งออกปีที่ผ่านมาขยายตัวเป็นบวกได้ร้อยละ 0.45 แม้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ถือว่าทำได้ดีท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว พร้อมทั้งจะเดินหน้าช่องทางการขยายตลาดตามกรอบข้อตกลงระหว่างกันที่ทำไว้ในอดีตจนถึงปัจจุบันให้มากขึ้น
ส่วนปีนี้ แม้ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน รวมทั้งเรื่อง Brexit การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของฝั่งยุโรป ตลอดจนเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ดังนั้น กลยุทธ์ในการผลักดันการส่งออกไปสหรัฐ โดยให้ภาครัฐนำเจาะตลาดใหม่ ควบคู่กับการผลักดันการส่งออกด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรผลักดันและสนับสนุนสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมที่สหรัฐต้องการดึงการลงทุนกลับเข้าประเทศ เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งผลักดันการค้าผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องส่งเสริมประชาสัมพันธ์ช่องทางการค้าออนไลน์ที่จัดทำขึ้นอย่าง Thaitrade.com ให้เป็นที่รู้จักและมีผู้ประกอบการสนใจใช้งานจริงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้การส่งออกไทยจะมีความผันผวนของค่าเงิน มาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ค้าและการดำเนินนโยบายของประเทศสหรัฐ แต่เชื่อว่าการส่งออกไปสหรัฐจะยังขยายตัวร้อยละ 3.2 เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป (อีย) ที่ขยายตัวร้อยละ 3 ญี่ปุ่นร้อยละ 4 จีนร้อยละ 4 ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5 และกลุ่มประเทศ CLMV ขยายตัวร้อยละ 6.4 โดยตั้งเป้าหมายผลักดันมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านล้านบาท จากปี 2559 ที่มีมูลค่าชายแดน 1.2 ล้านล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนตั้งเป้าขยายตัวร้อยละ 6 สินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 7 กลุ่มอาหารขยายตัวร้อยละ 8 เครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัวร้อยละ 5 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย