ชลบุรี 20 ก.พ.- รองนายกเทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เข้าพบ ตร. แสดงตัวไม่ใช่เจ้าของเบนซ์ดำ ที่ขับซิ่งชนสองตายายในคลิป แถมใจดีมอบเงินช่วยเหลือให้อีก 5,000 บาท
นี่เป็นภาพจากกล้องหน้ารถจับภาพตาขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายมากับยาย แล้วมีรถเบนซ์หรูคันหนึ่งแซงขวาแต่ข้างรถได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของตาจนล้มลงกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บ ส่วนยายที่มาด้วยบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่รถเบนซ์คันดังกล่าวจะเร่งเครื่องหลบหนีไป ถึงแม้ว่าจะมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์วิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา บนถนนสายเลียบทางรถไฟหัวโกรก หมู่ 3 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
สำหรับตาที่ประสบเหตุ คือ นายสุกิจ จันทร์ปลั่ง อายุ 79 ปี อาชีพช่างไม้ มีสภาพบาดแผลตามใบหน้า มือซ้าย และขาขวา นอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านไม่สามารถทำงานได้ โดยนายสุกิจ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเองก็ได้เข้าไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนรถจักรยายนต์ที่ถูกชนเสียหายต้องเสียค่าซ่อมรถร่วมหมื่นบาท หลังจากทำแผลออกจากโรงพยาบาล ก็ได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจสถานีตำรวจภูธรศรีราชา พร้อมทั้งนำคลิปกล้องหน้ารถให้ตำรวจเพื่อเป็นแนวทางมาสอบสวน
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (20 ก.พ.) นายเรวัติ เขียวสนิท รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ระพีพงษ์ มหาภาส พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีราชา เพื่อชี้แจงหลังจากมีการเผยแพร่คลิปกล้องหน้ารถ เหตุรถเบนซ์สีดำหรือน้ำเงิน เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายสุกิจ จันทร์ปลั่ง ขับขี่ซ้อนท้ายภรรยาล้มลงจนนายสุกิจ ได้รับบาดเจ็บก่อนขับหลบหนีไป โดยได้มีการแชร์คลิปทางโซเชียลมีเดีย แล้วมาพาดพิงไปถึงนายเรวัติ ว่าเป็นเจ้าของรถเบนซ์คันดังกล่าว จึงได้นำหลักฐานเป็นเล่มทะเบียนรถยนต์เบนซ์ของตนมาให้การกับทางตำรวจ
นายเรวัติ เปิดเผยว่า รถเบนซ์ที่ตนเองใช้อยู่เลขทะเบียนตรงกันจริง แต่หมวดตัวอักษรยังไม่แน่ชัด อีกทั้งรถของตนเองเป็นสีบรอนซ์เทาไม่ใช่สีดำ หรือน้ำเงิน เช่นคันที่ก่อเหตุ จึงเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนที่ตนเองมอบเงินให้กับฝ่ายผู้เสียหายนั้น เนื่องจากเมื่อพบหน้าก็เกิดความสงสาร อีกทั้งยังติดเงินค่ารักษาพยาบาลกับทางโรงพยาบาลด้วย จึงมอบเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ตามประสานิสัยช่วยเหลือคน และถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไปในตัว ไม่ใช่จ่ายเงินปิดปากตามที่โซเชียลมีเดียทั้งหลายต่อว่ามา
ขณะที่ทางพนักงานสอบสวน เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวอักษรประกอบเลขทะเบียนได้ชัดเจน โดยจะต้องพิสูจน์ตัวอักษรให้ชัดเจนก่อนทำเรื่องสอบถามไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรี สืบหาผู้ครอบครองรถคันก่อเหตุที่แท้จริงเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย