กรุงเทพฯ 2 ม.ค.-นายเจนนำ ชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ภาคเอกชนมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ด้วยความหวังว่า ภาคธุรกิจหรือเศรษฐกิจไทยในภาพรวม น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศที่การซื้อเริ่มฟื้นตัวจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นเช่น ยางพาราเป็นต้น สะท้อนจากยอดขายจำหน่ายรถยนต์ในประเทศและดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และตลาดต่างประเทศก็มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน และในปีนี้เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยการโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ส.อ.ท.จึงประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4 ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวรอ้ยละ 3.2-3.3 ส่วนการส่งออกปีนี้คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของการส่งออกจะอยู่ที่ร้อยละ 0 ถึงบวกร้อยละ 2 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่การส่งออกติดลบร้อยละ 1
ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้คือ ปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ แนวโน้มนโยบายใหม่ ๆ จากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาเช่น นโยบายใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่สหภาพยุโรปหลายประเทศจะมีการเลือกตั้ง จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะเดียวกัน จะต้องจับตาการจับกลุ่มทางการค้าได้ ซึ่งในส่วนของความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPPคงชะลอตัวไป ขณะที่การเจรจาเปิดเสรีในกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค หรือ RCEP ที่มีสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จะกลับมามีบทบาทมากขึ้นเป็นสิ่งที่ดีที่ประเทศไทยจะเข้าไปเจรจาอย่างใกล้ชิด
ส่วนระดับราคาน้ำมันไม่น่าเป็นห่วงมากนะ โดยระดับราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ในปัจจุบันประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น่าจะเป็นระดับราคาที่เหมาะสม และระดับราคาน้ำมันก็ไม่น่าเป็นห่วงว่าจะกลับขึ้นไปอยู่ในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ด้านกำลังซื้อของประเทศในตะวันออกกลางน่าจะปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยในหลายตัวดีขึ้น เพราะเชลล์ออยล์พร้อมที่จะผลิตหากราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นและผลิตออกสู่ตลาด ส่งผลทำให้ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่อาจจะสูงขึ้นไปได้ โดยระดับราคาน้ำมันปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 50-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเท่านั้น
ส่วนปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม จะต้องรอความชัดเจนในนโยบายของธนาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ก่อน ก็จะช่วยให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้น เพราะสิ่งที่ตกเป็นข่าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจนถึงขณะนี้ ทั้งหมดยังคงเป็นเพียงนโยบายหาเสียงอยู่ ยังไม่ใช่นโยบายที่ออกมาจริงๆ ของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แต่เมื่อนโยบายออกมาจริงและชัดเจนแล้ว ประเทศไทยก็จะต้องมาปรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้สอดคล้องต่อไป -สำนักข่าวไทย