กทม.20 ธ.ค.- ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนหากลุ่มกองเชียร์ก่อเหตุจุดพลุแฟลร์ป่วน ขณะการแข่งขันฟุตบอลชอบชิงชนะเลิศ AFF ซูซูกิ คลับด้านท้าวดักแด้ กองเชียร์ทีมชาติไทยชื่อดัง มองเห็นการและแนะนำการเป็นกองเชียร์ที่ดี ล่าสุดตำรวจเตรียมขอศาลออกหมายจับชาย 2 คน ที่ปรากฎตามภาพถ่ายถือพลุแฟลร์ อีก 7 อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีกองเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย จุดพลุแฟลร์หลังเกมการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ AFF ซูซูกิ คลับ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ว่า ในการออกหมายเรียกหรือขอหมายจับ ต้องชัดเจนจนผู้ก่อเหตุไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ ในส่วนของการสอบสวน ต้องสอบสวนทั้งพยานบุคคล หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และจากการสืบสวนของตำรวจผนวกเข้าด้วยกัน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอน ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้ก่อเหตุได้ เบื้องต้น มีความผิดฐาน ขัดคำสั่ง คสช., ความผิดอาญาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และความผิดทางอากาศ และเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งจะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง บางคนอาจเข้าข่ายมาตรา 220(วางเพลิง) และ 208 ต้องดำเนินคดี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง กรณี กกท. หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย ยังไม่เข้าแจ้งความ เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย กรณีโซเชียลมีเดีย แชร์ภาพชายใส่เครื่องแบบทหาร สังกัดกองทัพบก โดยระบุว่า เป็น 1 ในผู้ก่อเหตุนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกประเด็น ยังไม่สามารถสรุปได้ ตำรวจไม่ได้ทำงานตามกระแสของโซเชียล ทั้งนี้ พอมีข่าวออกมา ก็มีกลุ่มบุคคลที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับจุดพลุแฟลร์ เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว 3-4 คน เชื่ออีก 2-3 วัน จะทราบความชัดเจน
ด้านนายไทยแลนด์ หรือ บัญชา คำทอง หรือที่รู้จักกีนดีในนามท้าวดักแด้ กองเชียร์ทีมชาติไทยชื่อดัง กล่าวถึงกลุ่มที่จุดพลุแฟลร์ ว่า กลุ่มนี้เพิ่งเกิดขึ้นมา พยายามหาเอกลักษณ์ให้กับกลุ่ม โดยไปเลียนแบบทางยุโรปในทางที่ผิด ต้องจุดพลุก็ไม่รู้ทำไมต้องจุด เมื่อเลียนแบบฝรั่งก็ลืมวัฒนธรรมที่ดีของความเป็นไทย เพราะการเชียร์กีฬาไม่ใช่ไปทำสงคราม ไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย เหตุการณ์นี้ ส่งผลเสีย สื่อต่างชาติเอาไปเสนอในด้านลบ จากประสบการณ์ตรง เมื่อไปเชียร์ต่างประเทศจะถูกตรวจเข้มทันทีที่รู้ว่ามาจากประเทศไทย เพราะเกรงว่าจะเป็นพวกเถื่อนที่เคยเป็นข่าว อย่างนี้เรียกว่าคนส่วนน้อยทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย ที่สำคัญคือ มีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อดื่มจะเพิ่มความฮึกเหิม ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
นักเชียร์ชื่อดัง กล่าวอีกว่า กองเชียร์เป็นสิ่งสำคัญ เหมือนกินข้าวต้องมีน้ำ ไม่ใช่แข่งกันเองดูกันเอง มันต้องมีคนดูมีกองเชียร์ เป็นขวัญกำลังใจกัน มีหลายครั้งที่ตนไปเชียร์ก่อนหน้านั้นคะแนนตามเขาอยู่ แต่พอมีเสียงเชียร์ เสียงกลอง ทีมฮึกเหิมพลิกกลับมาชนะได้ ซึ่งการเชียร์ที่สร้างสรรค์นั้นต้องยึดหลักรู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ไม่โห่ หรือซ้ำเติม เยาะเย้ย ผู้แพ้ หรือแม้แต่การด่านักกีฬาของตัวเองที่ทำเสียคะแนน ก็ไม่ควร อย่างนี้เคยมีเรื่องมีราวกันมาแล้ว กองเชียร์มาตีกันหลังเกมส์ กีฬาเขากำหนดมาเป็นสิ่งสร้างสรรค์ เพื่อมิตรภาพไม่ใช่การทำลายล้าง
หลังประชุมตำรวจเตรียมขอศาลออกหมายจับชาย 2 คนที่ปรากฎตามภาพถ่ายขณะถือพลุแฟร์ และอีก 7 คนอยู่ระหว่างพิจารณา ในขณะที่พลตำรวจโทศานิตย์ ได้โฟนอินกับแฟนบอลที่คอยขายพลุแฟร์ให้กับกองเชียร์ฟุตบอล ผ่านอินเตอร์เน็ต และเตรียมเรียกเข้ามาสอบปากคำ และล่าสุดตำรวจขอให้บุคคลตามภาพถ่ายที่ถือพลุแฟร์เข้ามาพบตำรวจที่สน.หัวหมากเพื่อให้ปากคำ จำนวน 9 คนตามภาพถ่าย.-สำนักข่าวไทย