หนุ่มตาบอดเครียดถูกกล่าวหาแทงเสี่ยดับ



นนทบุรี 20 ธ.ค.-หนุ่มตาบอดเข้าให้ปากคำคดีแทงเสี่ยเจ้าของตลาดดับ แต่เครียดถูกนำส่งโรงพยาบาลด่วน เผยเจ้าของตลาดทะเลาะกับร้านสเต็ก แล้วโทรไปตามตนเองมา มันเป็นช่วงชุลมุนจำไม่ได้


20-12-2559 23-17-08 20-12-2559 23-17-22

เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 19 ธ.ค.59 ร.ต.อ.ปิโยรส ชูกุล ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่บริเวณตลาดนัดลานดิน ด้านหลังร้านสเต็กลุงหนวด หมู่ 1 ซอยสุขาประชาสรรค์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นลานเบียร์ พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการปั๊มหัวใจและนำส่ง รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด แต่เสียชีวิตขณะนำส่ง มีบาดแผลที่ต้นขาซ้ายและกลางหลัง ทราบชื่อคือนายวุฒิการณ์ หรือแป๋ง ณ สงขลา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของตลาดดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 970 ซอยจรัญสริทวงศ์ 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. ส่วนผู้บาดเจ็บ อีก 3 รายเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลดังกล่าวไปก่อนหน้า ทราบชื่อคือ น.ส.ปริศนา มานิตย์ อายุ 39 ปี ถูกแทงที่แขนซ้าย, น.ส.มยุรา มะอยู่เที่ยง อายุ 30 ปี ถูกแทงที่ท้องด้านซ้ายและนายอนุสรณ์ ซื่อตรง อายุ 28 ปี ถูกแทงที่หางคิ้วและใต้ตาซ้าย ส่วนผู้ต้องสงสัยพลเมืองดีจับตัวได้ในที่เกิดเหตุเป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีร่องรอยการต่อสู้ตามร่างกายมีแผลเล็กน้อย ทราบชื่อคือนายณรงค์ โพธิ์เลีย อายุ 37 ปี เป็นหมอนวดแผลโบราณอยู่ที่การเคหะปากเกร็ด


จากการสอบสวนนายณรงค์ โพธิ์เลีย ผู้ก่อเหตุ ทราบว่าเป็นคนพิการ เจ้าของตลาดทะเลาะกับร้านสเต็ก แล้วโทรไปตามตนเองมา แต่ว่าไม่ได้มีอะไร เคลียร์กันไปแล้วหลายรอบ จากนั้นมีการโวยวายด่ากันหลายรอบ ตนเองบอกว่าให้ยุติและเข้าไปห้าม ห้ามอยู่ 3 รอบก็ยังกลับเข้ามาอีก พอดีเป็นจังหวะไม่รู้ว่าใครจะทำอะไรตนเอง จึงต้องป้องกันตัว อาวุธมีดไม่ได้พกมา มันเป็นช่วงชุลมุนจำไม่ได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งสอบพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่าสาเหตุเกิดจากลานเบียร์เปิดเพลงเสียงดังรบกวนร้านสเต็กที่อยู่ติดกันและได้มีการนั่งเคลียปัญหาแต่คาดว่าน่าจะคุยกันไม่ลงตัวจึงได้เกิดเหตุชุลมุนจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนใครเป็นผู้ก่อเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างสอบสวน ด้านตัวผู้ต้องสงสัยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

และเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 20 ธ.ค.59 ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.พรรติกา โพธิ์เลีย อายุ 35 ปี น้องสาว นายณรงค์ โพธิ์เลีย อายุ 37 ปี ผู้พิการทางสายตา ผู้ต้องหาแทงเจ้าของตลาดเสียชีวิต พร้อมเพื่อนผู้พิการทางสายตาเดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.ปิโยรส ชูกุล ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด

จากการสอบสวนนายสหพร นิลม่วง อายุ 40 ปี ผู้พิการทางสายตา เป็นเพื่อนเรียนนวดรุ่นเดียวกับผู้ต้องหา เปิดเผยว่าตนเองรู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่ปี 2540 รู้จักกันตอนเรียนที่ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอดปากเกร็ด เรียนเกี่ยวกับเรื่องนวด ปกตินิสัยเท่าที่คบกันมาเป็นคนนิสัยร่าเริงคุยสนุกตลอด ไม่เคยพบว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น คิดว่าเป็นไปไม่ได้ จากการที่รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ปี 2540 ผู้ต้องหาเป็นนักกีฬายูโดทีมชาติไทย ไปแข่งขันชิมแชมป์โลกที่ประเทศสเปน และกีฬาเฟสปิกเกมส์ที่ไทยเป็นเจ้าภาพด้วย ฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องขอความเป็นธรรมให้เพื่อนด้วย ตนเองไม่เชื่อว่าคนตาบอด 1 คนจะไปมีเรื่องแบบนี้ได้ เชื่อในเพื่อนและความยุติธรรม น่าจะปกป้องและหาคนที่ทำผิดจริงมาดำเนินคดีเพื่อความชัดเจนได้

พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่าจากการสอบสวนพยานเบื้องต้นปรากฏว่าผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุเป็นผู้พิการทางสายตา จากการตรวจสอบพบว่าเป็นผู้พิการทางสายตามาแต่กำเนิด และมีการขอใช้สิทธิ์ร้องขอของผู้ต้องหาคือขอให้ญาติเข้าร่วมฟังการสอบสวน ทางตำรวจจึงได้จัดทนายความให้ร่วมฟังการสอบสวนด้วยตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และความยุติธรรมของผู้ต้องหาว่าสาเหตุเกิดได้อย่างไร และในวันพรุ่งนี้จะครบ 48 ชม.จึงต้องยืนคำร้องต่อศาลขออำนาจฝากขังไว้ก่อน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างร้านข้างเคียง ผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกับร้านสเต็กในที่เกิดเหตุ จากนั้นมีการเข้าไปเพื่อเจรจา มีปากเสียงและทำร้ายกันจนถึงการใช้อาวุธแทงกัน ผู้ต้องหาตาบอดสนิทขณะนี้ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนการสอบสวนขยายผลอย่างไรอยู่ที่ผลการสอบสวนพยานหลักฐานและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบาดแผลของผู้เสียชีวิต ผู้ต้องหาให้การภาคเสธอยู่ในขณะนี้

ขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแล้วและสอบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นร้านอาหาร คดีนี้ประชาชนสนใจมากเนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาเป็นเพื่อนกัน และผู้เสียชีวิตเป็นคนเรียกผู้ต้องหามาในที่เกิดเหตุ ทำไมถึงแทงกันเอง ต้องมีการพิสูจน์ความจริงว่าเขามีเจตนาจะกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นเรื่องประมาท หรือเป็นเรื่องสุดวิสัย ทั้งนี้อยู่ที่พยานในที่เกิดเหตุซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมต่อไป

ต่อมาในระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเข้าสอบปากคำพร้อมญาติและทนายความ ผู้ต้องหาเกิดอาการเครียดและป่วยกระทันหัน หน้าซีดเหงื่อออก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด ซึ่งต้องรอผลการรักษาอีกครั้งว่าจะสามารถสอบปากคำได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ส่วนอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คนคือ น.ส.ปริศนา มานิตย์ อายุ 39 ปี ถูกแทงที่แขนซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด, น.ส.มยุรา มะอยู่เที่ยง อายุ 30 ปี ถูกแทงที่ท้องด้านซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ และนายอนุสรณ์ ซื่อตรง อายุ 28 ปี ถูกแทงที่หางคิ้วและใต้ตาซ้าย อาการสาหัสอยู่ห้องไอซียู รพ.กรุงไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]