นนทบุรี 20 ธ.ค.-หนุ่มตาบอดเข้าให้ปากคำคดีแทงเสี่ยเจ้าของตลาดดับ แต่เครียดถูกนำส่งโรงพยาบาลด่วน เผยเจ้าของตลาดทะเลาะกับร้านสเต็ก แล้วโทรไปตามตนเองมา มันเป็นช่วงชุลมุนจำไม่ได้
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 19 ธ.ค.59 ร.ต.อ.ปิโยรส ชูกุล ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่บริเวณตลาดนัดลานดิน ด้านหลังร้านสเต็กลุงหนวด หมู่ 1 ซอยสุขาประชาสรรค์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นลานเบียร์ พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการปั๊มหัวใจและนำส่ง รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด แต่เสียชีวิตขณะนำส่ง มีบาดแผลที่ต้นขาซ้ายและกลางหลัง ทราบชื่อคือนายวุฒิการณ์ หรือแป๋ง ณ สงขลา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของตลาดดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 970 ซอยจรัญสริทวงศ์ 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. ส่วนผู้บาดเจ็บ อีก 3 รายเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลดังกล่าวไปก่อนหน้า ทราบชื่อคือ น.ส.ปริศนา มานิตย์ อายุ 39 ปี ถูกแทงที่แขนซ้าย, น.ส.มยุรา มะอยู่เที่ยง อายุ 30 ปี ถูกแทงที่ท้องด้านซ้ายและนายอนุสรณ์ ซื่อตรง อายุ 28 ปี ถูกแทงที่หางคิ้วและใต้ตาซ้าย ส่วนผู้ต้องสงสัยพลเมืองดีจับตัวได้ในที่เกิดเหตุเป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีร่องรอยการต่อสู้ตามร่างกายมีแผลเล็กน้อย ทราบชื่อคือนายณรงค์ โพธิ์เลีย อายุ 37 ปี เป็นหมอนวดแผลโบราณอยู่ที่การเคหะปากเกร็ด
จากการสอบสวนนายณรงค์ โพธิ์เลีย ผู้ก่อเหตุ ทราบว่าเป็นคนพิการ เจ้าของตลาดทะเลาะกับร้านสเต็ก แล้วโทรไปตามตนเองมา แต่ว่าไม่ได้มีอะไร เคลียร์กันไปแล้วหลายรอบ จากนั้นมีการโวยวายด่ากันหลายรอบ ตนเองบอกว่าให้ยุติและเข้าไปห้าม ห้ามอยู่ 3 รอบก็ยังกลับเข้ามาอีก พอดีเป็นจังหวะไม่รู้ว่าใครจะทำอะไรตนเอง จึงต้องป้องกันตัว อาวุธมีดไม่ได้พกมา มันเป็นช่วงชุลมุนจำไม่ได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งสอบพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่าสาเหตุเกิดจากลานเบียร์เปิดเพลงเสียงดังรบกวนร้านสเต็กที่อยู่ติดกันและได้มีการนั่งเคลียปัญหาแต่คาดว่าน่าจะคุยกันไม่ลงตัวจึงได้เกิดเหตุชุลมุนจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนใครเป็นผู้ก่อเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างสอบสวน ด้านตัวผู้ต้องสงสัยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
และเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 20 ธ.ค.59 ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.พรรติกา โพธิ์เลีย อายุ 35 ปี น้องสาว นายณรงค์ โพธิ์เลีย อายุ 37 ปี ผู้พิการทางสายตา ผู้ต้องหาแทงเจ้าของตลาดเสียชีวิต พร้อมเพื่อนผู้พิการทางสายตาเดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.ปิโยรส ชูกุล ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด
จากการสอบสวนนายสหพร นิลม่วง อายุ 40 ปี ผู้พิการทางสายตา เป็นเพื่อนเรียนนวดรุ่นเดียวกับผู้ต้องหา เปิดเผยว่าตนเองรู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่ปี 2540 รู้จักกันตอนเรียนที่ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอดปากเกร็ด เรียนเกี่ยวกับเรื่องนวด ปกตินิสัยเท่าที่คบกันมาเป็นคนนิสัยร่าเริงคุยสนุกตลอด ไม่เคยพบว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น คิดว่าเป็นไปไม่ได้ จากการที่รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ปี 2540 ผู้ต้องหาเป็นนักกีฬายูโดทีมชาติไทย ไปแข่งขันชิมแชมป์โลกที่ประเทศสเปน และกีฬาเฟสปิกเกมส์ที่ไทยเป็นเจ้าภาพด้วย ฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องขอความเป็นธรรมให้เพื่อนด้วย ตนเองไม่เชื่อว่าคนตาบอด 1 คนจะไปมีเรื่องแบบนี้ได้ เชื่อในเพื่อนและความยุติธรรม น่าจะปกป้องและหาคนที่ทำผิดจริงมาดำเนินคดีเพื่อความชัดเจนได้
พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่าจากการสอบสวนพยานเบื้องต้นปรากฏว่าผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุเป็นผู้พิการทางสายตา จากการตรวจสอบพบว่าเป็นผู้พิการทางสายตามาแต่กำเนิด และมีการขอใช้สิทธิ์ร้องขอของผู้ต้องหาคือขอให้ญาติเข้าร่วมฟังการสอบสวน ทางตำรวจจึงได้จัดทนายความให้ร่วมฟังการสอบสวนด้วยตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และความยุติธรรมของผู้ต้องหาว่าสาเหตุเกิดได้อย่างไร และในวันพรุ่งนี้จะครบ 48 ชม.จึงต้องยืนคำร้องต่อศาลขออำนาจฝากขังไว้ก่อน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างร้านข้างเคียง ผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกับร้านสเต็กในที่เกิดเหตุ จากนั้นมีการเข้าไปเพื่อเจรจา มีปากเสียงและทำร้ายกันจนถึงการใช้อาวุธแทงกัน ผู้ต้องหาตาบอดสนิทขณะนี้ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนการสอบสวนขยายผลอย่างไรอยู่ที่ผลการสอบสวนพยานหลักฐานและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบาดแผลของผู้เสียชีวิต ผู้ต้องหาให้การภาคเสธอยู่ในขณะนี้
ขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแล้วและสอบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นร้านอาหาร คดีนี้ประชาชนสนใจมากเนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาเป็นเพื่อนกัน และผู้เสียชีวิตเป็นคนเรียกผู้ต้องหามาในที่เกิดเหตุ ทำไมถึงแทงกันเอง ต้องมีการพิสูจน์ความจริงว่าเขามีเจตนาจะกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นเรื่องประมาท หรือเป็นเรื่องสุดวิสัย ทั้งนี้อยู่ที่พยานในที่เกิดเหตุซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมต่อไป
ต่อมาในระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเข้าสอบปากคำพร้อมญาติและทนายความ ผู้ต้องหาเกิดอาการเครียดและป่วยกระทันหัน หน้าซีดเหงื่อออก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด ซึ่งต้องรอผลการรักษาอีกครั้งว่าจะสามารถสอบปากคำได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ส่วนอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คนคือ น.ส.ปริศนา มานิตย์ อายุ 39 ปี ถูกแทงที่แขนซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด, น.ส.มยุรา มะอยู่เที่ยง อายุ 30 ปี ถูกแทงที่ท้องด้านซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ และนายอนุสรณ์ ซื่อตรง อายุ 28 ปี ถูกแทงที่หางคิ้วและใต้ตาซ้าย อาการสาหัสอยู่ห้องไอซียู รพ.กรุงไทย.-สำนักข่าวไทย