นนทบุรี 23 พ.ย. – ตามที่ ครม. มีมติรับทราบ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-10 บาท เพื่อเป็นการปรับรายได้ให้คนงานดำรงชีพได้ดีขึ้น โดยจะมีผลวันที่ 1 มกราคม 2560 ใน 69 จังหวัด นั้น เพื่อเป็นการดูแลและป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งอาหารปรุงสำเร็จ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศออกสำรวจตรวจสอบเข้มดูราคาสินค้า ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการประกาศค่าแรงเพิ่ม
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือร้านค้าอย่าถือโอกาสนี้ขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากกระทบต้นทุนน้อยมาก คือ จากการปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าวโดยรวมจะมีผลต่อต้นทุนเพียงร้อยละ 0.01 -1.02 เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ปรับค่าแรงแล้วมีผลต่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02 – 0.3 หมวดของใช้ประจำวัน มีผลต่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 -0.44 ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการอย่าใช้โอกาสนี้ขึ้นราคาสินค้าเกินจริง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะให้มีการตรวจเข้มทั่วประเทศ
สำหรับการจัดสายตรวจออกตรวจกำกับราคาสินค้าค่าครองชีพนั้น นางอภิรดี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก มีการออกตรวจเป็นประจำ โดยมีระดับผู้บริหารกรมและกระทรวงเป็นหัวหน้าสายออกตรวจ ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2559 มีการร้องเรียนสถิติการจับกุมดำเนินคดีเรื่องราคาสินค้า 260 ราย ปรับเป็นเงิน 456,400 บาท ปรับเครื่องชั่งไม่ตรง ไม่มีใบรับรอง 342 ราย เป็นเงิน 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ บทลงโทษเป็นไปตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หากพบร้านค้าไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากจำหน่ายสินค้าควบคุมสูงกว่าราคาควบคุม โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จำหน่ายสินค้าสูงเกินควร จงใจทำให้เกิดความปั่นปวนของราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ. มาตราชั่ง ตวง วัด ที่มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย