พาณิชย์ส่ง จนท.ตรวจเข้มราคาสินค้าช่วงตรุษจีน

สินค้าตรุษจีน

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- กรมการค้าภายในลงพื้นที่เยาวราช ตรวจราคาสินค้าช่วงตรุษจีน พบราคาวัตถุดิบใกล้เคียงปีที่แล้ว ย้ำผู้ประกอบการปิดป้ายให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมจับมือพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเชื่อมโยงสินค้าปศุสัตว์ส่งตรงจากเกษตรกรผู้ผลิตถึงมือผู้บริโภค ช่วยลดรายจ่ายให้ประชาชน


นายวิทยากร  มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมซื้อวัตถุดิบ เพื่อไปประกอบพิธีในการไหว้บรรพบุรุษ ทั้งที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารและของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ กรมการค้าภายในจึงจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนและเครื่องชั่งน้ำหนักสินค้าและทองคำ เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้บริโภคตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยในวันนี้ (25 ม.ค.) ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พื้นที่ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ณ ชุมชนเล่งบ้วยเอี๊ยะ เยาวราช พบว่า ผู้ค้าคาดว่าภาวะการจำหน่ายในปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์ด้านราคาจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนราคาจำหน่ายยังคงใกล้เคียงกับช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีที่ผ่านมาและหลายรายการที่ยังคงทรงตัวและปรับตัวลดลง ทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งของเซ่นไหว้ อาทิ บะแซต้ม ราคาทรงตัวที่ 150-250 บาท/ชิ้น (ราคาตามขนาด)เป็ดสดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) ราคาทรงตัว 280 บาท/กก. ส่วนไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) ราคาทรงตัว 72.50 บาท/กก. อาหารแห้งส่วนใหญ่ราคาทรงตัว เช่น หมี่ซั่ว (ตรามังกรคู่) ขนาดบรรจุ 400 กรัม/ถุง ราคา 35-40 บาท/ห่อ เห็ดหอมแห้ง ขนาดเล็ก ราคา 340-370 บาท/กก. ขนาดกลาง 380-400 บาท/กก หน่อไม้จีนกระป๋อง เบอร์ 0 ราคา 100-120 บาท. พุทราจีน ราคา 90-100 บาท/กก. ผักสดที่ใช้ในการประกอบอาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคายังคงใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อน  ผลไม้ ส้มเขียวหวานราคาปรับเพิ่มขึนเล็กน้อย เบอร์ 5 ราคา55-60 บาท/กก เบอร์ 6 ราคา 65-70 บาท/กก ขณะที่ส้มโอขาวน้ำผึ้งใหญ่ราคายังทรงตัว อยู่ที่ 90-100 บาท/กก. ขนมไหว้เจ้าราคาปรับตัวลดลงเนื่องจากเร่งการขาย เช่น ขนมจันอับ ขนมเทียน ส่วนขนมเข่ง ราคายังคงทรงตัว สำหรับชุดไหว้เจ้า ส่วนใหญ่มีราคาปรับลดลงจากปีก่อน เช่น กระดาษเงิน-ทอง ชุดไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย ชุดไหว้บรรพบุรุษ (ราคาตามขนาด)


นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบความเที่ยงตรงของชั่งน้ำหนักทอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเลือกซื้อทอง โดยที่ผ่านมาในปี 2567 ดำเนินการตรวจสอบร้านทองทั่วประเทศ 576 แห่ง เครื่องชั่ง 684 เครื่อง และในปี 2568 (1 ม.ค. – 24 ม.ค.2568) ดำเนินการตรวจสอบร้านทองทั่วประเทศ 66 แห่ง เครื่องชั่ง 79 เครื่อง พบถูกต้องทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเกษตรกรผู้ผลิตและลดรายจ่ายให้กับประชาชนผู้บริโภค ในการเลือกซื้อสินค้าปศุสัตว์หรือสัตว์น้ำในช่วงเทศกาลตรุษจีน กรมการค้าภายในจึงได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเชื่อมโยงสินค้าปศุสัตว์หรือสัตว์น้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแหล่งผลิตมาจำหน่าย อาทิเช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้งขาวแวนนาไม ปลากะพง ทั่วประเทศรวม 20,000 กิโลกรัม และไข่ไก่ ทั่วประเทศรวม 500,000 ฟอง เปิดจุดจำหน่ายในแต่ละจังหวัด เช่น จังหวัดนครสวรรค์ จัดที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครสวรรค์ (26-27 ม.ค.) จังหวัดอุบลราชธานี จัดที่ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี (26-27 ม.ค.) และจังหวัดสงขลา จัดที่หน้าสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) หาดใหญ่ (26-27 ม.ค.) เป็นต้น โดยลดราคาต่ำกว่าท้องตลาดไม่น้อยกว่า 10% ให้แก่ประชาชนผู้บริโภคในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 27 มกราคม 2568 ซึ่งประชาชนสามารถดูจุดจำหน่ายสินค้าได้จากเว็บไซต์กรมการค้าภายใน https://www.dit.go.th  

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่าเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนใน ปี 2568 กรมการค้าภายใน จะได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการกำกับดูแลและติดตามสถานการณ์สินค้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ทุกระดับการค้ามีความสอดคล้องกันตามโครงสร้างราคาที่กรมฯ กำกับดูแล  และในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจโดยกรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจะอออกตรวจสอบกำกับดูแลการจำหน่ายและเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะการปิดป้ายแสดงราคา และห้ามมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยกรณีไม่ปิดป้ายราคา มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท กรณีที่ค้ากำไรเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากประชาชนหากพบเห็นพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือ Line@MR.DIT หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ.516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย