การ์มินเปิดสำนักงานสาขาในไทยรับเทรนด์สุขภาพ


กรุงเทพฯ 9 ธ.ค. การ์มินประกาศตั้งสำนักงานในประเทศไทย เสริมแกร่งแบรนด์ในภูมิภาคอาเซียน


การ์มิน (เอเชีย) คอร์ปอเรชั่น ประกาศการ์มินจะขยายธุรกิจในเอเชียด้วยการเปิดสำนักงานสาขาใหม่ที่ประเทศไทยในกรุงเทพมหานคร นับตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2564 นี้ เพื่อการให้บริการที่ครอบคลุมครบวงจร ทั้งสินค้าและบริการต่าง ๆ สำหรับลูกค้าไทย การ์มินได้เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2543 โดยมีสมาร์ทวอทช์รุ่นเรือธงอย่าง Forerunner, fenix ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่สนใจกีฬาและการออกกำลังกาย (ฟิตเนส) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่าง Venu และ Instinct ที่ออกแบบเพื่อผู้ใช้ที่ชอบกิจกรรมแอ็กทีฟ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากผู้บริโภคในตลาดประเทศไทย นับตั้งแต่การ์มินก่อตั้งขึ้นในปี 2532 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การ์มินได้ลงทุนด้านนวัตกรรม วิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

การขยายธุรกิจของการ์มินล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์กับตลาดในประเทศไทยซึ่งมีประชากร 70 ล้านคนนับเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยการ์มินมั่นใจว่าการวางโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ และการสนับสนุนจากพันธมิตร โดยเฉพาะจาก บริษัท จีไอเอส จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทซีดีจี จะช่วยให้บริการเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบโตเพิ่มขึ้น


บริษัท จีไอเอส จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายการ์มินในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตลอด 20 ปีที่ผ่านมานับเป็นกำลังหลักสำคัญในการขยายและสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์การ์มินในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดรวมไปถึงการสนับสนุนในอนาคต ของบริษัท จีไอเอส จำกัด ส่งผลให้แบรนด์การ์มินกลายเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในตลาดสมาร์ทวอทช์ของประเทศไทย

จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น และยังมีความต้องการในการจัดการด้านสุขภาพของตนเองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าภายในสิ้นปี 2563 รายได้ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกอล์ฟ และการดำน้ำของการ์มิน ในตลาดประเทศไทยจะเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยจะมีอัตราการเติบโตถึง 130% ยิ่งไปกว่านั้นสมาร์ทวอทช์ Venu Sq ที่เพิ่งเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ที่ได้รับความนิยมอย่างมากส่งผลให้สินค้าในกลุ่มฟิตเนสเติบโตมากกว่า 20% อีกด้วย

ความต้องการสมาร์ทวอทช์ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้การขยายตัวของแบรนด์ต้องก้าวสูงขึ้น โดยการ์มินได้ตั้งทีมการตลาด ทีมขาย ทีมบริการลูกค้าและบริการหลังการขาย เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่สมบูรณ์แบบทั้งก่อนและหลังการขาย ช่วยอำนวยความสะดวกสูงสุดแก่ผู้บริโภค โดยการ์มินจะมีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้านแบบ door-to-door (D2D) พร้อมบริการหลังการขายสำหรับผลิตภัณฑ์การ์มิน โดยจะเริ่มบริการดังกล่าวในไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ ด้วยร้านค้ากว่า 5,000 แห่งและร้านขายตรงมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก การ์มินยังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนานับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2543 เพื่อมุ่งผลิตผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยที่สร้างความแตกต่างในชีวิตประจำวันรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอากาศยาน การเดินเรือ กิจกรรมกลางแจ้ง ผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย (ฟิตเนส) และยานยนต์-สำนักข่าวไทย.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด