รพ.สมุทรสาคร แจงเด็กเสียชีวิตหลังคลอด

สมุทรสาคร 15 ต.ค.- ผอ.รพ.สมุทรสาคร ชี้แจงกรณีข่าวระบุเด็กเสียชีวิตหลังคลอดช่วง ก.ย. 40 ราย เป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน ย้ำไม่ว่ากรณีใดหากมีผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลจะต้องวิเคราะห์หาสาเหตุให้ชัดเจน ขณะที่ “อัจฉริยะ” พาผู้เสียหายแจ้งความเพิ่มเป็นรายที่ 4 เตรียมฟ้องแพทย์และโรงพยาบาล


วันนี้ (15 ต.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มอีก 1 ราย ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร กรณีทารกเสียชีวิตหลังคลอดที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร รวมผู้เสียหายแจ้งความแล้วทั้งหมด 4 ราย

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้นอกจากพาผู้เสียหายมาแจ้งอีก 1 ราย ยังได้พาผู้เสียหาย 3 รายแรก ที่ได้แจ้งความไว้ก่อนแล้วมาให้ปากคำเพิ่มเติม จากนั้นจะไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครและสำนักงานประกันสังคมจังหวัด เพื่อทวงถามเงินเยียวยา ทุกรายที่เป็นผู้เสียหายในคดีมีการฝากครรภ์กับหมอผู้ทำคลอดรายนี้ และตนเชื่อว่ายังมีเด็กที่เสียชีวิตจากการคลอดมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องมาดำเนินคดีให้กับผู้เสียหายทั้ง 4 ราย โดยจะฟ้องละเมิดทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย รวมทั้งฟ้องคดีอาญาและแพ่งกับหมอที่ทำคลอด


ด้าน นพ.อนุกูล ไทยถานันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวว่า กรณีมีข่าวระบุว่าเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเด็กเสียชีวิต 40 รายนั้น ตรงนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และอาจเข้าใจผิดกัน ซึ่งการเสียชีวิตในโรงพยาบาลทุกสาเหตุ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ โรงพยาบาลจะวิเคราะห์ว่าเกิดจากโรค เกิดจากการดูแลรักษา หรือเกิดจากสาเหตุใด เพื่อนำไปปรับปรุงการดูแลรักษา ส่วนทารกที่เสียชีวิตแต่ละเดือนไม่ได้มากขนาดนั้น บางเดือนมีประมาณ 2–4 ราย อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลไม่อยากให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นแม้แต่รายเดียว

“มีบางสื่อเขียนออกมาว่ามีเด็กเสียชีวิตเดือนกันยายน 2563 จำนวน 40 รายนั้น ขอชี้แจงว่า ยอด 40 ศพ เป็นยอดสะสมของเด็กทารกที่เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนกันยายน เมื่อเด็กเสียชีวิตลงทางโรงพยาบาลจะเก็บไว้ระยะหนึ่ง รอให้พ่อแม่หรือญาติมาติดต่อขอรับไปบำเพ็ญกุศล แต่ถ้าไม่มีใครมาติดต่อก็จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ มานำศพไปเก็บไว้ที่สุสานฯ ซึ่งในเคสบุตรของรายแรกนั้น ทางโรงพยาบาลยอมรับข้อบกพร่องว่า ไม่ได้ประสานอย่างต่อเนื่องกับพ่อแม่เด็กที่เสียชีวิต เพราะขณะนั้นแม่ของเด็กอยู่ในห้องไอซียู พ่อเด็กก็ต้องดูแลแม่ จึงทำให้ขาดการประสานติดต่อกัน จนกลายเป็นปัญหาว่าตามหาศพลูกไม่พบ”

นพ.อนุกูลฯ กล่าวอีกว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตทางกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย ก็จะติดตามคุณภาพการรักษาของโรงพยาบาลทุกแห่ง ซึ่งจะมีเกณฑ์โดยนับจากเด็กเกิดมีชีพ ไม่ควรเสียชีวิตเกิน 7-8 คน ต่อ 1,000 ชีพ ส่วนสาเหตุที่เด็กทั้ง 3 รายเสียชีวิตนั้น รายแรกจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าครรภ์เป็นพิษรุนแรง ค่อนข้างฉุกเฉินเฉียบพลัน โอกาสที่ลูกกับแม่จะมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก จากสถิติการเกิดภาวะแบบนี้อัตรา 1 ต่อ 15,000 หรือ 20,000 แต่ถ้าเกิดขึ้นมาเด็กมีโอกาสเสียชีวิตถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแม่ 75 เปอร์เซนต์ โดยรายนี้ลูกเสียชีวิตก่อนคลอดส่วนแม่เข้ารักษาตัวที่ห้องไอซียู ส่วนรายที่สองจากประวัติพบว่า ฝากครรภ์ที่คลินิกแล้วพบว่าแข็งแรงดี ทำให้แม่เข้าใจว่าสมบูรณ์ดี แต่พอคลอดมาแล้วเด็กมีปัญหาเรื่องการหายใจ และหลายเรื่อง ซึ่งพยายามช่วยรักษา แต่เด็กก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนรายที่สามผ่าตัดคลอด และสังเกตอาการพบว่าเด็กมีปัญหาการหายใจ น่าเกิดจากอาการสำลัก หรือเกิดจากภาวะปอดติดเชื้อ จนนำมาซึ่งการเสียชีวิต และขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรับเงินเยียวยาจากประกันสังคมของผู้เสียหาย เพราะโรงพยาบาลไม่มีสิทธิรับค่าเยียวยาใด ๆ ทั้งสิ้น ประกันสังคมจะมอบให้กับผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น ส่วนการฟ้องร้องนั้นให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร