fbpx

พช.จัดใหญ่งานศิลปาชีพประทีปไทย 8-16 ส.ค.นี้

สำนักข่าวไทย 3 ส.ค.- พช. เตรียมจัดงานศิลปาชีพประทีปไทย 8-16 สิงหาคมนี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี รวมสุดยอดงานหัตถศิลป์ และสินค้า OTOP กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก คาดเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท


กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เตรียมจัดงานศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ปี 2563 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง” ตระการตากับผ้าอัตลักษณ์ ผ้าชนะการประกวด พร้อมชมแฟชั่นโชว์ผ้าไทย เลือกซื้อผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์อันทรงคุณค่า ฝีมือสุดประณีตจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP ทั่วไทย ตั้งเป้ากระจายรายได้สู่ชุมชนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 8 –16 สิงหาคม 2563 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

วันนี้ (3 ส.ค.63) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ปี 2563 ภายใต้แนวคิด “สืบสานพระราชปณิธาน รังสรรค์งานศิลปาชีพ ความภาคภูมิใจแห่งแผ่นดิน” โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมงาน ณ ลานอีเดน ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน จัดงาน“ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ปี 2563 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ครบรอบ 88 พรรษา และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปาชีพและมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ อีกทั้งยังมีพระประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทยให้คงอยู่สืบไป ซึ่งต่อมาหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริดังกล่าวไปขยายผลในการพัฒนา และส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ก็เป็นโครงการที่สืบเนื่องมาจากการส่งเสริมอาชีพของพระองค์ท่านเช่นกัน โดยปีนี้กำหนดให้มีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ในวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563 เวลา 15.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า งานในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ตามมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เข้าชมงานอย่างเข้มข้น สำหรับไฮไลท์กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย 1) นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง 2) การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ 3)การจัดแสดงและจำหน่ายผลงานของศิลปิน OTOP 4) การจัดแสดงและจำหน่ายผ้าอัตลักษณ์ เช่น ผ้านาหมี่นศรี จ.ตรัง, ผ้าแพรวา จ.กาฬสินธุ์, ผ้ายกทอง จ.นครศรีธรรมราช, ผ้าแต้มตระกรอ จ.อุทัยธานี, ผ้ากาบบัว จ.อุบลราชธานี, ผ้าจกคูบัว จ.ราชบุรี เป็นต้น 5) การจัดแสดงและจำหน่ายผ้าชนะเลิศการประกวดจากโครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งเป็นโครงการที่กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ รณรงค์ให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทย 6) OTOP Premium เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกรมการพัฒนาชุมชน เช่น ผ้าทออีสานสู่สากล, OTOP แบรนด์เนม 7) OTOP Frist Lady 8) OTOP 3 – 5 ดาว 9) OTOP ชวนชิม และผัก ผลไม้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดง เช่น การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนกิจกรรมการส่งเสริมการขาย อาทิ การประกวดแต่งชุดผ้าไทยมางาน และสินค้าราคาพิเศษ

สำหรับการจัดงานในปีนี้ คาดว่าจะมียอดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน ขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าชมงานปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ตามมาตรการและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด อยากให้เชื่อมั่นในเรื่องมาตรการดังกล่าวให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่าน ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านในงานนี้ และขอชวนแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และผลิตภัณฑ์ OTOP โดยเฉพาะผ้าไทย มาชม ชิม ช้อป และภาคภูมิใจกับผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการกันนะครับ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย