สปสช.ย้ำคนไทยกลุ่มเสี่ยงคัดกรองโควิดไม่เสียค่าใช้จ่าย

สปสช. 16 ก.ค.-สปสช.ย้ำคนไทยกลุ่มเสี่ยงคัดกรองโควิด-19 ไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังพบต่างชาติติดเชื้อเข้าประเทศไม่กักตัว เผยข้อมูลคัดกรองกว่า 4เดือน มีผู้รับบริการแล้วกว่า4แสนครั้ง พร้อมเตรียมปรับจ่ายชดเชยคัดกรองอัตรา 2,100 บาทจาก 2,500 บาท ตามเกณฑ์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่วยลดค่าใช้จ่าย    



นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในการตรวจยืนยันผู้มีความเสี่ยงและค้นหาผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดความหวาดวิตกการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งที่จังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ ในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ที่ผ่านมา สปสช.ได้บรรจุการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เพื่อให้ประชาชนทุกสิทธิการรักษาได้รับการคัดกรองอย่างครอบคลุมและทั่วถึง


ทั้งนี้ จากข้อมูลในระบบเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม -9 กรกฎาคม 2563 มีประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองแล้วจำนวน 382,448 คน เป็นจำนวนการตรวจ 403,852 ครั้ง รวมเป็นค่าบริการจำนวน 1,164.80 ล้านบาท 

“ขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากที่หวั่นวิตกว่า อาจได้รับเชื้อโควิด-19 ทั้งกรณีมีรายงานพบทหารอียิปต์และเด็กหญิงชาวซูดานติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยไม่ได้ผ่านการกักตัว ซึ่งประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับการคัดกรองและตรวจยืนยันได้ ตามสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อเร่งดำเนินการควบคุมโรคแล้ว” นพ.การุณย์ กล่าว


นพ.การุณย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับในส่วนการจ่ายชดเชยค่าบริการตรวจยืนยันการติดเชื้อโดยห้องปฏิบัติการ หลักเกณฑ์ในการจ่าย สปสช.จะยึดตามกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้มีหนังสือแจ้ง สปสช.เรื่องการปรับอัตราค่าบริการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ด้วยเทคนิค Real time RT-PCR เป็นอัตรา2,100 บาท/ตัวอย่าง จากเดิม 2,500 บาท/ตัวอย่าง ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายคัดกรองลดลง โดยอยู่ระหว่างการส่งเรื่องเพื่อประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย