รัฐ-เอกชนร่วมมือกำจัดกาฬโรคแอฟริกาในม้า

กรุงเทพฯ  14 ก.ค. – กรมปศุสัตว์จับมือภาคีเครือข่าย 17 หน่วยงานทั้งภาครัฐ-เอกชน กำจัดกาฬโรคแอฟริกาในม้าให้หมดไปจากไทย และได้คืนสถานะปลอดโรคจากองค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศเร็วที่สุด


นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (AHS) ร่วมกับภาคีเครือข่าย 17 หน่วยงาน ที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ เขตบางเขนฯ โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำ เนื่องจากหากยังมีการระบาดของโรคนี้จะมีผลกระทบต่อการจัดการแข่งขันกีฬาในประเทศไทย การประกอบพิธีกรรม กิจกรรมสันทนาการ และการขนส่งเคลื่อนย้ายม้าภายในประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการนำรายได้เข้าประเทศ 

สำหรับการลงนาม MOU ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย มีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมลงนาม 18 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมปศุสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  กรมประชาสัมพันธ์  กรมการสัตว์ทหารบก  หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ  กองพันทหารม้า-ที่ 29 รักษาพระองค์  สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สัตวแพทยสภา ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมสัตวแพทย์สวนสัตว์และสัตว์ป่า สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาม้าแข่งไทย มูลนิธิม้าไทย และชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคม้า เป็นการปฏิบัติตามหลักความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) เพื่อกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าให้หมดไปจากประเทศไทยและได้รับสถานะประเทศปลอดโรคกลับคืนมาในที่สุด


ด้านนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าเป็นโรคระบาดสัตว์ที่ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงม้าอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีความสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยพาหะที่สำคัญอย่างริ้น เหลือบ และแมลงดูดเลือด จึงเป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปในวงกว้าง และป้องกันโรคในม้า ลา ล่อ และสัตว์ที่มีความไวรับต่อโรคชนิดอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียจากการระบาดของโรค ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะทำทั้งด้านการกำหนดนโยบาย การวางแผนยุทธศาสตร์ การปฏิบัติงานในพื้นที่ และห้องปฏิบัติการ โดยประสานข้อมูลเพื่อช่วยในการเฝ้าระวังโรค ขึ้นทะเบียน  ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายม้าและสัตว์อื่นที่เป็นพาหะนำโรค การประชาสัมพันธ์เตือนภัยโรคระบาดและข้อปฏิบัติให้เจ้าของม้าทราบ สร้างชุมชนสัมพันธ์ผู้เลี้ยงม้าที่มีความตระหนักและยั่งยืนในการป้องกันโรค การเฝ้าระวังโรคทางอาการ อีกทั้งการร่วมกันพัฒนา ศึกษา วิจัยและสนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการ และวางแผนการกำจัดโรคที่ยั่งยืนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย