ศบค.พบผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย เป็นทหารอียิปต์ 1 ราย

ทำเนียบฯ 13 ก.ค.-ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3 ราย กลับจากต่างประเทศ แจงไทม์ไลน์ “ทหารอียิปต์” ติดโควิด-19 ลงสนามบินอู่ตะเภา เข้าพักโรงแรมใน จ.ระยอง พบออกไปห้างสรรพสินค้า ทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่สอบสวนโรคละเอียด แม้เจ้าตัวกลับประเทศไปแล้ว


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ว่า วันนี้ (13 ก.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าพักใน State Quarantine ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม 3,220 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,090 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย และไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 49

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 รายนั้น เดินทางกลับมาจากประเทศคูเวต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับที่เคยรายงานพบผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้แล้ว 10 ราย เข้าพัก State Quarantine ที่ กทม. ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ส่วนอีก 1 รายเดินทางกลับจาก บาห์เรน เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI คือ มีไข้ จึงส่งตรวจหาเชื้อในวันที่ 12 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ และอีก 1 รายเป็นชายสัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดระยอง และตรวจหาเชื้อในวันที่ 10 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ วันที่ 12 กรกฎาคม ไม่มีอาการ ขณะนี้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว


“แม้ว่าทหารชาวอียิปต์รายนี้จะเดินทางมาในฐานะลูกเรือ ซึ่งตามข้อกำหนด มาตรการ 9 จะมีข้อกำหนดคน 11 กลุ่ม คือ คนที่เข้ามาตามภารกิจ เมื่อเข้ามาจะมีที่พักให้ เดิมจะเป็นโรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากมีเที่ยวบินเข้ามามาก ทำให้ทหารและลูกเรือชุดนี้จำนวน 31 คนเดินทางเข้ามาและลงที่สนามบินอู่ตะเภาแทน ส่วนอีก 30 คนที่เหลือตรวจแล้วไม่พบเชื้อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า โดยไทม์ไลน์การเดินทาง พบว่าวันที่ 6 กรกฎาคม เดินทางออกจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ วันที่ 7 กรกฎาคม เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปปากีสถาน วันที่ 8 กรกฎาคม เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา วันที่ 9 กรกฎาคม ออกจากสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง ไปทำภารกิจทางทหารที่ประเทศจีน และกลับที่ระยองในวันเดียวกัน เข้าพักที่โรงแรมเดิม โดยวันที่ 10 กรกฎาคม มีการเข้าไปตรวจคัดกรองทั้งคณะ 31 คน และวันที่ 11 กรกฎาคม เดินทางออกจากประเทศไทย กลับอียิปต์ ซึ่งผลการตรวจยังไม่ชัดเจน จึงส่งตรวจซ้ำและพบว่าติดเชื้อในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการพูดคุยกันอย่างมากในที่ประชุม ศบค.ว่าแม้จะเข้าข่ายยกเว้นตามข้อกำหนด เพราะเป็นลูกเรือ แต่เนื่องจากเดิมได้กำหนดโรงแรมไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทปราการ แต่เนื่องด้วยเดินทางมาลงสนามบินอู่ตะเภา จึงเปลี่ยนโรงแรมเป็นที่ จ.ระยอง ทำให้ต้องทบทวนมาตรการการคุมเข้ม โดยโรงแรม ที่ จ.ระยองแห่งนี้ถือว่าสัมผัสกับผู้พบเชื้อ ดังนั้นมาตรการสอบสวนโรคต้องครอบคลุมโรงแรงแห่งนี้

“ที่สำคัญระหว่างสอบสวนโรค พบว่าขณะที่ผู้ป่วยยังไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันผลการติดเชื้อ ทีมลูกเรือชุดนี้ได้ออกจากโรงแรมที่กักตัวไปสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง รวมถึงห้างสรรพสินค้าบางแห่งด้วย เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจะต้องลงพื้นที่สัมผัสทุกแห่ง จึงรายงานเพื่อให้ชาวระยองรับทราบ พร้อมยืนยันว่า ศบค.ไม่ปกปิดข้อมูล โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคพื้นที่จะร่วมกับทีมส่วนกลางสอบสวนโรคเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของทุกคน และหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ให้ติดต่อไปยังสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีกรณีผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี ที่รายงานเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา โดยมาพร้อมครอบครัวของคณะทูต โดยวันที่ 7 กรกฎาคม เดินทางมาจากซูดาน ซึ่งมารดานำผู้ป่วยและครอบครัวรวม 5 คน ตรวจเชื้อก่อนเดินทาง แต่ไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 กรกฎาคม เมื่อมาถึงได้ตรวจคัดกรอง ไม่มีอาการ จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจและพบเชื้อ บิดานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. โดยตรวจซ้ำ พบเชื้อวันที่ 11 กรกฎาคม ผลตรวจแพทย์พบปอดอักเสบ ส่งต่อมายังโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งใน กทม. แต่มีการนำสมาชิกครอบครัวที่เหลือไปพำนักที่คอนโดแห่งหนึ่งใน กทม. ทั้งที่กลุ่มคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย เราให้เกียรติโดยให้กักตัวในสถานทูต ในพื้นที่ 14 วัน ดังนั้น เราต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดให้ครอบคลุมมากกว่านี้ และขอให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตทุกแห่งถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรคจะต้องเข้าไปสอบสวนในพื้นที่คอนโดแห่งนี้ด้วย

“การกักกันในที่พำนักบุคคลดังกล่าว ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งหมายความว่าให้สถานทูตเป็นต้นสังกัด และเราเชื่อใจกัน เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ เราเข้าใจว่าสถานทูตจะมีพื้นที่อาณาบริเวณ เป็นอาณานิคม พื้นที่ของท่านก็ให้เกียรติ พอมาเจอแบบนี้ สถานที่พำนักกลายเป็นคอนโดขึ้นมา ก็ต้องกำชับกัน มีการขอให้ร่วมกันรับผิดชอบอย่างดี อาจมีมาตรการมากขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศจะทำความเข้าใจสถานทูตต่าง ๆ เพื่อขอความร่วมมือ เพื่อทำให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้น เรียนรู้ไปด้วยกันว่าต้องเป็นแบบนี้ 14 วันในสถานที่ของท่านโดยไม่ต้องออกมา ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสียหายที่เป็นประเด็น ถ้าคุมโรคได้ ปิดจุดอ่อน กำหนดข้อปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งขึ้น ข่าวนี้ข้อดีคือขอให้รับทราบว่าใกล้ตัวเรามาก เพราะไม่ได้เกินกว่าความคิดที่จะบอกว่ามีระลอกสองใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้ดูแลตัวเองอย่างดี ปลอดโรคปลอดภัยนานเท่านาน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนสถานการณ์ของโลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 13,035,942 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 193,906 ราย โดยสหรัฐฯ ยังพบผู้ติดเชื้ออันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,413,995 ราย อันดับ 2 บราซิล พบผู้ติดเชื้อ 1,866,176 ราย อันดับ 3 อินเดีย พบผู้ติดเชื้อ 879,466 ราย อันดับ 4 รัสเซีย พบผู้ติดเชื้อ 727,162 ราย และอันดับ 5 เปรู พบผู้ติดเชื้อ 326,326 ราย ขณะที่ไทยอยู่อันดับที่ 100.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]