ลพบุรี
11 ก.ค.-“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่ลพบุรี เยี่ยมชมระบบพลังงานทดแทน ย้ำ!
ประชาชนต้องมีรายได้จากพลังงาน พร้อมดันโรงไฟฟ้าชุมชน ปฏิเสธร่วมพรรคกล้า
ในวันนี้
(11ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี วางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา
เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ
บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี
นายสนธิรัตน์
ให้สัมภาษณ์ ปฏิเสธ เข้าร่วมทำการเมืองกับพรรคกล้า
ซึ่งมีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรค ระบุว่าเป็นเพียงข่าวลือ ขอเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลังจากประเทศเจอปัญหาวิกฤติจากผลกระทบโรคโควิด-19
โดยนายกรัฐมนตรีก็มีเป้าหมายอยากทำการเมือง
New normal แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ต่างชาติได้รับรู้
จึงอยากให้ทุกคนลืมการเมืองไปก่อนช่วงนี้.
นายสนธิรัตน์ ยัง ได้ไปเยี่ยมชม พื้นที่แก้มลิงของตำบลท่ามะนาว จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีการใช้ ระบบโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้า สำหรับสูบน้ำให้กับเกษตรกร
ซึ่งส่งจ่ายให้กับพื้นที่เพาะปลูกกว่า 10 ไร่ สามารถลดต้นทุนการสูบน้ำให้เกษตรกรหมู่ที่ 1 บ้านสันตะลุง
และหมู่ที่ 6 บ้านท่าฉาง ซึ่งในโครงการการมีทั้งติดตั้งบนบก และติดตั้งแบบลอยน้ำ
โดยระบบ ลอยน้ำ พบว่าแผงโซล่าเซลล์มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าดีกว่าแบบติดตั้งบนบกร้อยละ
8 และไม่เสียพื้นที่การเกษตร
และความเย็นของน้ำช่วยทำให้การทำงานของแผงโซลาร์เซลล์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในตำบลท่ามะนาว ได้ติดตั้งระบบผลิตและส่งก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร
ระดับชุมชน ที่กระทรวงพลังงานได้มีส่วนร่วมเข้าไปพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิดหรือระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสุกร
ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ในเรื่องกลิ่น
และ ยังได้ประโยชน์จากการส่งก๊าซชีวภาพไปยังมากกว่า 500
ครัวเรือนเพื่อทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม หรือคิดเป็น จำนวนเงินมากกว่า 800,000 บาท ต่อปี
และยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำฟาร์มปศุสัตว์ 5,515
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทำให้ชุมชนมีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตไปแล้วกว่า
3,178ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าคิดเป็นจำนวนเงิน 744,690บาท
นับว่าเป็นต้นแบบการพัฒนาด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ระหว่างเยี่ยมชมได้มีประชาชนในพื้นที่สอบถามถึงความคืบหน้า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ที่ มีการเลื่อนเป้าหมายประกาศรับซื้อมาหลายครั้ง
เนื่องจาก ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ จาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายสนธิรัตน์ ย้ำว่า
จะผลัดดันให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชน
“สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการเห็นพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดได้มีโอกาสเข้าถึงการดำเนินงานด้านพลังงาน และจากที่รัฐกำลังส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ก็หวังให้ประชาชน
มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าชุมชน นอกจากพ่อแม่พี่น้องจะมีรายได้จากการปลูกพืชเกษตรเพื่อส่งเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าแล้ว
ยังมีรายได้จากการเป็นหุ้นส่วนของโรงไฟฟ้า เกิดการจ้างงานในพื้นที่
เมื่อประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ จะช่วยพลิกวิกฤติด้านเศรษฐกิจภายหลังจากสถานการณ์โควิด
2019” รมว.พลังงานกล่าว. – สำนักข่าวไทย