สภาฯ รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 64

รัฐสภา 4 ก.ค. -สภาฯ รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 วาระแรก ฝ่ายค้าน 200 เสียงโหวตคว่ำ ขณะที่ธนาธรโผล่นั่ง กมธ. ด้านสุทิน ท้านายกฯ หากรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ตามเป้า จีดีพีโตไม่ถึงร้อยละ 5 ตามที่คาดการณ์ไว้ ให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายกฯขอบคุณสมาชิกผ่านร่าง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ด้วยคะแนน 273 เสียง ไม่เห็นชอบ 200 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 72 คน โดยพรรคก้าวไกล เสนอนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ร่วมด้วย 

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อภิปรายสรุปว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วยเนื่องจาก GDP ในปี 2554 การเติบโต 0.8 แล้วไปขึ้นในช่วงนโยบายรถคันแรก และจำนำข้าว แล้วค่อยมาลดลงเป็นปกติ ในปี 2556 มาเป็น 2.7 และปี 2557 เป็น 1% แต่ตนไม่ได้เป็นคนทำงบประมาณช่วงที่เกิดความขัดแย้งจนใช้งบประมาณไม่ได้ แล้วตนก็เข้ามาแก้ไขปัญหาตอนนั้น ปี 2558 เป็น 3.1% ปี 2559 เป็น 3.4% ปี 2560 เป็น 4.0% ปี 2561 เป็น 4.1% ในช่วงนี้มีการลงทุนการเจริญเติบโตในหลายประเทศโดยการมีการลงทุนใน EEC ซึ่งกำลังเดินหน้ามาด้วยดี แต่ไปเจอสงครามการค้าในปี 2562 แล้วเจอก็โควิดปี 2563 เราต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่คาดการณ์ไม่ได้ รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ การทำงบประมาณใหม่ไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ได้ก็แล้ว แต่การใช้งบฟื้นฟูมาบริหารราชการปกติไม่น่าจะทำได้ ขอให้มาพิจารณากันต่อในชั้นกรรมาธิการ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณสมาชิกที่พิจารณา ทั้งนี้งบประมาณในปี 2564 เป็นการวางรากฐานในการพัฒนาและแก้ปัญหาทุกด้าน ดูแลผู้มีรายได้น้อยเกษตร แหล่งน้ำ ตามงบประมาณที่มีอยู่ให้มากที่สุด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทุกส่วนเพื่อยกระดับประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนนโยบายต่างๆ มุ่งเน้นการส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพราะต้องเดินหน้าต่อไปในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตลอดจนสร้างความสมดุลและยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาประเทศมีความสมดุลทุกด้านบรรลุเป้าหมายที่ร่วมกันที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและความซับซ้อนมีการกระจายผลประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงทั่วถึงเป็นธรรมตามที่มีอยู่ให้มากที่สุด และมุ่งหวังให้การใช้จ่ายของแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน ส่วนข้อเสนอและข้อติติงต่างๆ ตนรับได้และขอกรรมาธิการวิสามัญนำไปพิจารณาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงท้ายการอภิปรายที่มีขึ้นในช่วงดึกวานนี้ (3 ก.ค. ) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่าการพิจารณางบประมาณปีนี้มีความสำคัญ เพราะเงินจากต่างประเทศซึ่งเป็นรายได้กว่าร้อยละ 70 ของจีดีพี หายไป ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา จึงมีแต่งบประมาณแผ่นดินเท่านั้นที่จะใช้ขับเคลื่อนประเทศ พร้อมเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีพัฒนาการทางอารมรณ์ดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจเรื่องพัฒนาการทางปัญญา เพราะอาจถูกข้าราชการ รัฐมนตรี หรือพรรคร่วมรัฐบาลหลอก เพราะสิ่งที่ประชาชนคาดหวังกับการจัดการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 มี 3 เรื่องคือ สภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยปี 2564 , การแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ และถ้าไม่ตรงจุดจะต้องทำอย่างไร ขณะที่สิ่งที่ต้องเจอในอนาคตเรียกว่า “ประยุทธภัย” คนไทยต้องเผชิญหนี้ 5 ประเภทคือ 1.หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 60 ของจีดีพี 2.หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 80 ของจีดีพี 3.หนี้ภาคธุรกิจ เจ๊ง ล้มละลายมากขึ้น 4.หนี้เสียในระบบการเงินหรือ NPL มากขึ้น และ 5.ปัญหาหนี้นอกระบบ เข้าสู่อาณาจักรนักเลง ดอกเบี้ยโหด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คนไทยจะต้องเผชิญในปี 2564

นายสุทิน ยังเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวม 20 กว่าล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร รวม 10 กว่าล้านล้านบาท แม้บริบทจะต่างกัน แต่ให้ดูที่ผลงอกเงยทางเศรษฐกิจหรือไม่ โดยสามารถเทียบได้จากจีดีพีและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยก่อนสถานการณ์โควิด-19 จีดีพีลงมาต่ำเกือบติดลบ 2 ถึง 3 แต่รัฐบาลนายทักษิณเจอทั้งการใช้หน้า IMF ใช้หนี้ สึนามิ โรคซา หวัดนก แต่ปี 2545 จีดีพีโตร้อยละ 1.5 , ปี 2546 ใช้งบประมาณลดลง แต่จีดีพีสูงถึงร้อยละ 9.6 , ปี 48 และ 49 สามารถจัดงบประมาณสมดุล ไม่ต้องกู้เงินขาดดุลงบประมาณ

นายสุทิน กล่าวว่า ปี 2564 จะเป็นปีที่หลายคนบอกว่าเผาจริง และอาจจะลอยอังคารในปีเดียวกัน ซึ่งวันนี้สมาชิกพูดกันทั้งวันว่าอีก 3 เดือนจะมีวิกฤตใหญ่ กูรูด้านเศรษฐกิจบอกว่า จะมีความเสี่ยงต่อฐานะการคลังของประเทศ ถ้าเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ซึ่งธรรมดาแล้วต้องไปเอาเงินคงคลังมาใช้ แต่วันนี้สถานะเงินคงคลังก็เริ่มไม่ดี ง่อนแง่น แม้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ บอกว่าฐานะการคลังดีมาโดยตลอด แต่ชาวบ้านถามกันมาเยอะว่าถ้าฐานะการคลังของประเทศดี ทำไมประชาชนเป็นหนี้เยอะ ทำไมคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นอยู่แบบนี้ และที่ชัดเจนที่สุดคือเมื่อเจอสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิค 19 ทำไมต้องกู้เงินทันที หากสถานะการคลังของประเทศดีอยู่ ในแง่การจัดงบประมาณ นายสุทิน กล่าวว่า หลายคนคิดตรงกันว่าไม่ตอบโจทย์การใช้จ่ายงบประมาณตามเป้าหมายและสถานการณ์ มีการประมาณการเศรษฐกิจผิดพลาด บอกเศรษฐกิจจะโตร้อยละ 5 ในปี 2564 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ที่ลบร้อยละ 8 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดไปเป็นร้อยละ 5 แม้นายสมคิดบอกว่าจะเป็นมังกรบิน แต่ก็บินอยู่แค่ก้นเหว เพราะไม่มีเงินจากต่างประเทศ ไม่มีเงินลงทุน จึงจากมังกรเลยจะกลายเป็นแมงหวี่ และที่ประเมินผิดอีกคือการประมาณการรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท เพราะโอกาสจะเก็บภาษีเข้าเป้าเป็นไปได้ยาก


ส่วนงบประมาณด้านความมั่นคง นายสุทิน กล่าวถึง การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ในอินเทอร์เน็ตสำนักข่าวอิสราบอกราคาซื้อขาย 200 กว่าล้านบาทต่อลำ แต่กองทัพตั้งงบประมาณถึงลำละ 800 กว่าล้านบาท ซึ่งไม่ตอบโจทย์และอาจเข้าข่ายการทุจริต

นายสุทิน กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรีน้อยใจ คนบอกว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก็เป็นเรื่องจริง เพราะมีการกู้ทุกปี และปีหน้าจะตั้งฉายานักกู้แห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แต่ถ้ากู้มาแล้ว ก็ขอทำให้จีดีพีโตด้วย โดยขอให้ทบทวนปรับงบประมาณฉบับนี้ใหม่ ไปจัดทำตัวร่างใหม่หรือปรับในชั้นกรรมาธิการ เพราะยังมีงบประมาณปี 2563 และเงินจากพระราชกำหนดกู้เงินอยู่แล้ว และขอให้คิดเหมือนองค์กรขนาดใหญ่ มีการประกันคุณภาพการบริหาร ให้คิดว่างบประมาณปี 2564 เป็นแผนฟื้นฟูเหมือนการบินไทย หากผู้บริหารทำไม่ได้ตามเป้าก็ปลดทิ้ง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรสร้างความเชื่อมั่นรับประกันว่า ถ้าจีดีพีโตไม่ถึงร้อยละ 5 หนี้สาธารณะแตะร้อยละ 60 หนี้ครัวเรือนแตะร้อยละ 85 ของจีดีพีเมื่อไร จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เป็นการการประกันคุณภาพทางการเมือง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]