ครม. เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท

ทำเนียบฯ 7 ม.ค. –  ครม.
เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท
สงป.พร้อมปล่อยท่องบประมาณออกสู่ระบบ ต้นเดือน ก.พ.
  ยอดเงิน 1.8 ล้านล้านบาท
เข้มเร่งรัดเบิกจ่ายช้า กระทบต่อการของบปี 64


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า
ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 กรอบรายจ่าย 3.3
ล้านล้านบาท  เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบบาท
จากปี 63 มีวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท 
ประมาณการรายได้วงเงิน 2.777 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 46,000 ล้านบาท
จากกรอบวงเงิน 2.731 ล้านล้านบาท 
จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล วงเงิน 523,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
มีวงเงิน 469,000 ล้านบาท
เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน


ด้านงบลงทุนวงเงิน 6.93 แสนล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 21
ของงบประมาณทั้งหมด ส่วนงบประจำวงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท  ภายใต้สมติฐานจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.1 – 4.1
การจัดทำกรอบงบประมาณยังอยู่ภายใต้วินัยทางการเงินการคลัง 
เตรียมเปิดให้ส่วนราชการเสนอคำของบประมาณในวันที่ 24 ม.ค.63  จากนั้นเสนอที่ประชุม ครม. 17 มี.ค.
พิจารณาแผนจัดทำงบประมาณ

สำหรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 63 เมื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจาณาวาระ 23 วันพรุ่งนี้ จากนั้น สว.ประชุมพิจารณาในช่วง 20 ม.ค. เมื่อนำขึ้นมูลเกล้า
คาดว่าช่วงต้นเดือน ก.พ. 63 งบประมาณรายจ่ายปี 63
ออกสู่ระบบให้ส่วนรายการที่ยื่นของบใช้เงินได้ทันทีทั้งงบประจำและงบลงทุน  1.8 ล้านล้านบาท  หลังจากต้องเบิกจ่ายล่าช้าไป 5-6 เดือน  หลังจากที่ผ่านมาได้เบิกจ่ายงบพลางก่อนไปแล้ว
1.2 ล้านล้านบาท เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 บังคับใช้ สัปดาห์หน้า

สำนักงบประมาณ จะประกาศมาตรการร่งเรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การจัดทำ TOR การเตรียมเพื่อให้ส่วนราชการต้องเร่งรัดจัดซื้อจัดจ้างปลายเดือนมี.ค.
– พ.ค. จากนั้นหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องเบิกจ่ายให้ได้ร้อยละ 50 ของวงเงินลงทุน
หากเบิกจ่ายไม่ได้ตามข้อกำหนด จะส่งผลต่อการเสนอขอจัดสรรงบประมาณปี 64 
จึงขอให้ส่วนราชการยึดข้อเสนอข้อสังเกตุของกรรมาธิการงบประมาณ
ให้เร่งรัดจัดซื้อคุรุภัณฑ์ ความสมเหตุสมผลการใช้งบประมาณต้องอธิบายได้ โดยต้องจัดอันดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ
โดยคาดว่าส่วนราชการทุกแห่งเสนอคำของบประมาณมากกว่า 5
ล้านล้านบาทมากกว่าปีที่ผ่านมา



นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว่า ที่ประชุม ครม.
เห็นชอบตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน เสนอเปลี่ยนแปลงโครงการปี 62
สำหรับยกระดับโครงสร้างพื้นฐานกองทุนหมู่บ้านวงเงิน  14
,000 ล้านบาท
เพื่อขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์ เป็นโครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
เพื่อดูแลการท่องเที่ยวชุมชน สินค้าชุมชนในท้องถิ่น  และขอยุติโครงการเดิม 3 โครงการ วงเงิน 2
,400 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณตามนโยบายรัฐ  เพื่อตั้งงบนำส่งคืนสำนักงาน กทบ.ในภายในปี 64
เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มเติม . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ได้ชีวิตใหม่ ไม่สิ้นเคยหวัง เชื่อว่าต้องได้กลับบ้านในสักวัน เผยอยากกินลาบ-ซอยจุ๊

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน หลายประเทศทะลุ 190 AQI

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน “เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย” หลายประเทศทะลุ 190 AQI ส่วนไทย อีก 2 วัน มีลมแรงช่วยพัดฝุ่นกระจายตัวดีขึ้น ด้าน ปภ.ช. สั่งพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) ดีเดย์ ทุกหน่วยทั่วประเทศเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ฝ่าฝืนจับสถานเดียว