กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – นิด้าแนะรัฐทำงบปี 64 เน้นเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยและโลกซึมยาวจากโควิด-19
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า การจัดทำกรอบงบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทของภาครัฐ ควรใช้หลักการบริหารจัดการเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง และรับมือกับปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ที่เปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกชะลอตัว และต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ทำให้ไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยว ยังต้องเผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระยะยาวต่อไป โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวถึง 8-10%
สำหรับการจัดทำงบประมาณปี 2564 นั้น ควรเน้นยุทธศาสตร์ของประเทศที่มุ่งพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างจุดแข็งของประเทศใหม่ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งงบกลางที่มีกว่า 600,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งควรมีการจัดสรรไปใช้ในด้านอื่น ๆ ที่มีการระบุวัตถุประสงค์ของโครงการที่ชัดเจน ควบคู่กับการใช้งบประมาณที่เหลือ 400,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงิน และงบตกค้างจากปีงบประมาณปกติของปี 2563 รวมถึงงบลงทุนจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอีก 300,000 ล้านบาท นำมาใช้ฟื้นฟูประเทศ ผ่านการจัดทำโครงการที่เน้นก่อให้เกิดผลทางด้านเศรษฐกิจ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของปริมาณเงินในระบบหลายรอบและสร้างประโยชน์ระยะยาว
“การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลมีความจำเป็นในทางเศรษฐกิจที่หดตัวอย่างรุนแรง และสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีของไทยยังอยู่ในกรอบไม่เกิน 60% ของจีดีพี เพราะไทยยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศ จึงควรเร่งรัดการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินงบแต่ละกระทรวงที่ต้องติดตามการนำเงินไปใช้แต่ละโครงการให้ตอบโจทย์มิติการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการที่สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศ หรือต่อยอดสร้างความได้เปรียบเชิงการแขงขันของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น โครงการสร้างประเทศไทยให้เป็นเมดิคัลฮับของโลก เป็นต้น” นายมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย