บล.ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนเกาะติด 7 ปัจจัยเสี่ยง

กรุงเทพ ฯ 1 ก.ค. – บล.ทรีนีตี้ คาดเศรษฐกิจไทยใช้เวลา 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี จึงจะฟื้นตัว กลับมาเติบโตเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ด้านการลงทุนครึ่งปีหลังเกาะติด 7 ปัจจัยเสี่ยง คาดเกิดปลายไตรมาส 3  มองดัชนีไตรมาส 3 ปรับตัว Sideways กรอบกว้าง 1,250-1,450 จุด 


นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ว่า การลงทุนจะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 7 ประการที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4  ประกอบด้วย 1) ระดับการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกที่อาจเริ่มชะลอลง หรือที่เรียกว่า Tapering 2) ระดับการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ 3) การระบาดของ COVID-19 รอบสองที่อาจรุนแรงมากขึ้น หลังจากประเทศต่างๆ เริ่มกระบวนการ Reopening และสิ่งที่สำคัญ คือ ถ้ามีการ Lockdown รอบ 2 หลายประเทศอาจจะไม่มีกระสุนที่จะอัดฉีดนโยบายการคลังต่อ 4) ความผันผวนในช่วงเข้าใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  5) ผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 3 ที่อาจไม่สามารถฟื้นจากไตรมาส 2 ได้จริง 6) การหมดอายุของมาตรการ Uptick rule ในช่วงปลายเดือนกันยายน 7) คุณภาพสินเชื่อจะมีการถดถอย

 “มองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี ในการฟื้นตัวมาเท่ากับสมัยก่อนเกิดโควิด-19 เป็นการฟื้นตัวแบบรูปตัวยู”  นายวิศิษฐ์ กล่าว


นายวิศิษฐ์  คาดการณ์ว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 SET Index แกว่งตัว Sideways และมีกรอบกว้างมาก โดยประเมินกรอบแนวรับแรกของ SET ที่ 1,300 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE 15.7 เท่า และอิงกับประมาณการ EPS ปี 2021 ที่ 83 บาท ส่วนกรอบแนวรับสำคัญประเมินที่ 1,250 จุด  ขณะที่ กรอบแนวต้านแรกของ SET ที่ 1,400 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE 16.8 เท่า และอิงกับประมาณการ EPS ปี 2021 ที่ 83 บาท ส่วนกรอบแนวต้านสำคัญประเมินที่ 1,450 จุด

ด้านนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเดือน ก.ค.จะเป็นไปลักษณะเทรดดิ้ง  คือ เมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นให้นักลงทุนขายหุ้นและเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงก็เข้าซื้อ ซึ่งมองระดับแนวต้านสำคัญที่เหมาะกับการขายหุ้นออกคือ 1,400 จุด ส่วนระดับแนวรับแรกที่เข้าซื้อจะอยู่ที่ 1,310 จุด  แนะนำลงทุนหุ้นเติบโต (Growth stock)ซึ่ง มี 3 กลุ่ม  คือ 1) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่  BGRIM, GPSC, RATCH  2) กลุ่มเกษตรและอาหาร ได้แก่ CPF, TFG ,RBF 3) กลุ่มบริหารสินทรัพย์ เลือก JMT นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลงทุน PTG เพราะหลังปลดล็อคเคอร์ฟิวจะทำให้การเดินทางกลับมาและจะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึง SFLEX เพราะผลิตแพคเกจจิ้งที่อิงกับสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ยังคงจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี