สนง.กกต. 30 มิ.ย.- “กรณ์” รับหนังสือรับรองการตั้งพรรคกล้าอย่างเป็นทางการ ยัน ใน 1 เดือนมีสาขาครบทุกภาคตามกฎหมาย และใน 6 เดือนมีตัวแทนผู้สมัครพรรคครบทุกเขต ปัดวิจารณ์ว่าที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ขอเพียงเร่งทำงานตอบโจทย์แก้เศรษฐกิจ พร้อมเป็นกำลังใจให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค และทีมงานพรรคกล้า เดินทางมารับหนังสือรับรองการจัดตั้งพรรคกล้า จาก พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ แสดงความยินดี และย้ำให้พรรคปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไข เพื่อให้เป็นสถาบันทางการเมือง โดยสำนักงาน กกต.ยินดีให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง และขอให้พรรคเจริญก้าวหน้า
นายกรณ์ กล่าวว่า หลังจากนี้มีหน้าที่เตรียมพรรคให้มีความพร้อมเป็นทางเลือกหลักของประชาชน สำหรับการเลือกตั้งในอนาคต ไม่ว่าการจะเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร โดยภายใน 1 เดือน จะมีสาขาครบตามกฎหมายทุกภาค และภายใน 6 เดือนจะมีตัวแทนของพรรคทุกเขตการเลือกตั้ง 350 เขตทั่วประเทศ ซึ่งพรรคมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้กับคน 5 ด้าน คือ เศรษฐกิจ การเกษตร การศึกษา คุณภาพชีวิต Soft Power หรือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยยึดหลักปฏิบัตินิยม เน้นการลงมือทำ ผลลัพธ์และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก ต่อสู้ไม่ให้ประเทศไทยล้าหลัง ยืนยันพร้อมเป็นมิตรกับทุกพรรคการเมือง
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายกรณ์ กล่าวว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจและหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม จะปรับอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้ตอบโจทย์ประเด็นปัญหาของบ้านเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น เพราะขณะนี้ประชาชน เดือดร้อนกันมาก ประเทศเข้าสู่ ภาวะวิกฤตด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักมาก
“ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหา ควรมีนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหา และตั้งใจในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นใครที่เข้ามาทำงาน ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จ เพราะคือชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน” นายกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นถึงชื่อ น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น 1 ในทีมเศรษฐกิจด้วย โดยระบุว่า “ไม่รู้จัก”
นายกรณ์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบประมาณแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด- และ งบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างชาญฉลาด แต่เท่าที่เห็นดูพึ่งพาระบบราชการมากเกินไป มีหลายโครงการที่ทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่า แก้ปัญหาให้กับประชาชนในสถานการณ์ covid 19 ได้จริงหรือไม่ จึงเห็นว่าควรพิจารณาให้รอบคอบ ให้ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชนมากที่สุด
ส่วนกรณีที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะกระทบถึงเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรณ์ มองว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ควรใช้ในกรณีที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ มองว่ายังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ซึ่งเรื่องใหญ่คือผลกระทบจากโควิด-19 และไม่ตอบประเด็นคำถามว่า การยุบสภาจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เสนอหรือไม่ .- สำนักข่าวไทย