“บิ๊กตู่” ลั่นเอาจริงพวกละเมิดกฎหมาย หากทำผิดต้องถูกดำเนินคดี

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรี ยืนยันบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการตำรวจ หรือ ประชาชน  ส่วนการคลายล็อคระยะ 5 ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบครอบ และ รอบด้าน


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยมีพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง โดยวาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ มีเรื่องเกี่ยวกับการพิจารณาเงินประจำตำแหน่ง ที่ปฎิบัติหน้าที่ด้านป้องกันปราบปราม ,ด้านสืบสวน และ ด้านจราจร เพื่อให้งานในสถานีตำรวจมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น กรณีถูกสั่งให้ไปช่วยราชการในสายใดสายหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งหลังจากนี้หากหมุนเวียนใน 3 สายงานจะสามารถได้เงินประจำตำแหน่ง โดยมีผู้บังคับการจังหวัดสามารถออกคำสั่งให้รองสารวัต และ ตำรวจชั้นประทวนปฎิบัติหน้าที่ได้ทันที

ภายหลังการประชุมพลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ในที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องบทลงโทษทางวินัยของข้าราชการตำรวจซึ่งมีทั้งให้ออก ไล่ออก หลายนาย อีกทั้งมีบางส่วนได้รับอุทธรณ์คำสั่ง โดยเน้นย้ำว่าคนดีก็ได้รับคำชมเชย ส่วนคนไม่ดีก็ต้องลงโทษตามกฎหมาย


ส่วนการดำเนินคดีก็ดำเนินคดีกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือประชาชนทั่วไป หากทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมายจะอ้างไม่รู้ไม่ได้ ส่วนคดีที่ผู้ต้องหามอบตัว หรือ ไม่มอบตัว ทุกคนรู้อยู่แล้วมีระยะเวลา คดีเก่า-ใหม่ตามระยะ ก็ว่าไปตามระเบียบ

สำหรับการปลดล็อกในระยะที่ 5 นั้น พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะต้องดูถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงโควิด-19 ก่อน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และ ความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งจะต้องคิดให้รอบด้าน ขอบคุณประชาชนทุกคนในประเทศที่ให้ความร่วมมือ

ด้านพลตำรวจโทปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายเรื่อง เรื่องแรกฝากขอบคุณตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด -19 เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหน่วยปฎิบัติงานในพื้นที่จนทำให้สถานการณ์เรื่มคลี่คลายอย่างต่อเนื่อง  ประเด็นที่ 2 ให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายและให้ความเป็นธรรม ประเด็นที่ 3 ให้ตำรวจเข้มปราบอาชญากรรมอย่างต่อเนื่องเช่นการค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน และ ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ส่วนประเด็นสุดท้ายให้ลงโทษข้าราชการตำรวจที่กระทำความผิดอย่างจริงจังเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบราชการ อย่างให้มีการช่วยเหลือกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงโทษ  ไล่ออก ปลดออก 5 กักยาม และ ยุติเรื่อง


สำหรับการดำเนินการทางวินัยกับตำรวจที่ผ่านมา มีดังนี้ ไล่ออก 23 เรื่อง (ละทิ้งราชการเกิน 15 วัน รวม 4 นาย / ต้องหาคดียาเสพติด 6 นาย ต้องหาคดีอาญา 8 นาย ผิดวินัยร้ายแรง 5 นาย ) ปลดออก 5 เรื่อง ให้ออก(เจ็บป่วย) 1 เรื่อง กักขัง 3 เรื่อง กักยาม 2 เรื่อง งดโทษ 1 เรื่อง  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดนภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.