รัฐสภา 22 มิ.ย.- วุฒิสภาเห็นชอบร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย วงเงินกว่า 88,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 รัฐบาล ยืนยันจะบริหารการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพตามกรอบวินัยการเงินการคลังเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. วงเงิน 88,452,597,900 บาท หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้ว โดย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และประชาชน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว วงเงิน 96,000 ล้าน บาท ส่งผลให้คงเหลืองบประมาณไม่เพียงพอเนื่องจากอาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้งหรือสาธารณภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือปลายปีงบประมาณ 2563
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องโอนงบประมาณ ที่หน่วยรับงบประมาณต่าง ๆ ได้รับจัดสรรตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ไปตั้งเป็นรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจำเป็นอื่น ๆ โดยร่างกฎหมายนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาผลกระทบจากโรคโควิด -19 และภัยแล้ง รัฐบาลจะใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับกรอบวินัยการเงินการคลัง การบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ โปร่งใสตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด
พล.อ.ชาตอุดม ดิตถะสิริ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณได้จัดทำข้อเสนอให้นำงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของวงเงินคงเหลือ ที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายและไม่มีข้อผูกพันที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในสถานการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 เช่น ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา การฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมทั้งรายจ่ายลงทุนบางรายการที่ไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ตามแผนที่กำหนดคือ ภายในเดือน พ.ค.2563 หรือเป็นรายการที่หน่วยงานเห็นว่าสามารถชะลอการดำเนินการได้โดยไม่เสียหายต่อทางราชการขณะที่รายการที่ไม่สามารถโอนงบประมาณรายจ่าย ได้แก่รายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อจัดสวัสดิการแห่งรัฐ รายจ่ายลงทุนที่เป็นงานดำเนินการเอง แผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด-19 รายการและงบประมาณที่มีภารกิจด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19และสถานการณ์ภัยแล้งโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาต่างอภิปรายเสนอแนะข้อคิดเห็นต่าง ๆ ผ่านไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาประชาชนจะต้องครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นของการโอนงบประมาณรายจ่าย 8.8 หมื่นล้านบาท ไม่ครอบคลุม ไม่มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระดับท้องถิ่น และไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะรัฐบาลจัดรับฟังความคิดเห็นในเว็บไซต์เพียงช่องทางเดียว อีกทั้ง จำนวนผู้แสดงความคิดเห็นไม่สอดคล้องกับปริมาณประชากรทั่วประเทศ
นายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ได้กำหนดสัดส่วนการกู้เงินไว้ถูกแล้วตามพ.ร.บ.การเงินการคลังของประเทศในมาตรา 50 แต่เกรงว่าจะเกิดปัญหาในอนาคตข้างหน้าหรือไม่ อีกทั้ง วิกฤตครั้งนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับแก้ไขกฎหมายได้ และเมื่อสถานการณ์ปกติจะกลับคืนมาสู่สัดส่วนตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 50 ได้อีกหรือไม่ เพราะทุกอย่างมีผลต่อการชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยในปีงบประมาณอีก 10 ปีข้างหน้า
พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตถึงการตัดงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขกว่า 1 พันล้านบาท ที่ได้กันไว้ใช้สำหรับการสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม อาคารสถานที่ของโรงพยาบาลเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ซึ่งหากตัดงบประมาณดังกล่าวออกไปเกรงประชาชนจะได้รับผลกระทบ อีกทั้ง กระทรวงสาธารณสุขเป็นด่านหน้าในการรักษา ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นควรต้องคืนเงินดังกล่าวกลับไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ที่สุดแล้วที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 217 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ.-สำนักข่าวไทย