อนาคตสื่อไทย หลังโควิด-19

กทม. 16 มิ.ย.- ในยุคที่สื่อสารมวลชน มีการปรับตัวการทำงานจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี มาอย่างหนักช่วงที่ผ่านมา เมื่อเจอกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน หลังจากเหตุการณ์นี้กำลังคลี่คลาย อนาคตของสื่อไทยจะเป็นอย่างไร ผ่านมุมมองจากคนทำสื่อและนักวิชาการ



นายประณต วิเลปสุวรรณ  ผู้อำนวยการสถานีไทยรัฐทีวีและผู้อำนวยการฝ่ายบรรณาธิการทีวี ในฐานะผู้บริหารสื่อทีวีดิจิทัล มองอนาคตการทำงานของสื่อหลังเหตุการณ์โควิด-19 ว่า สื่อก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้ไทยรัฐทีวีจะได้รับความนิยมจากผู้ชมในช่วงเหตุการณ์โควิดสูง จนทำให้เรตติ้งของช่องขยับขึ้นมาอยู่ในลำดับต้นๆ แต่รายได้จากเม็ดเงินโฆษณาก็ลดลงไปอย่างมากจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงมีอยู่คงที่และเพิ่มขึ้นทั้งเงินเดือนพนักงาน การซื้ออุปกรณ์ป้องกัน เพิ่มประกันสุขภาพ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายหลักคือสัมปทานที่ต้องจ่ายในแต่ละปี

“จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์โควิด-19 สื่อทีวีดิจิทัลก็อยู่ในสภาวะลำบากอยู่แล้ว หลายช่องต้องปิดตัวกันไปจากเม็ดเงินโฆษณาที่มีอยู่อย่างจำกัด


เมื่อต้องมาเจอกับสภาวะเช่นนี้ ยิ่งซ้ำเติมทีวีดิจิทัลเข้าไปอีก การดำรงอยู่ของแต่ละสถานีจึงเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง”

สำหรับรูปแบบการทำงานสื่อที่ปรับตัวในช่วงโควิดทั้งเว้นระยะห่างฯ WFH ไลฟ์สตรีมมิ่ง สัมภาษณ์แหล่งข่าวผ่านสื่อออนไลน์ ฯลฯ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี มีความเห็นว่า เชื่อว่าคนทำสื่อทุกคนทราบดีว่าควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรตราบเท่าที่เรายังไม่มีวัคซีน และเห็นด้วยกับการใช้ทุกวิธีเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างแหล่งช่าวและผู้สื่อข่าว ที่ผ่านมาทางสถานีได้ออกระเบียบสำหรับผู้ปฏิบัติงานภาคสนามและผู้ปฏิบัติภายในองค์กรให้ตระหนักถึงอันตรายที่คาดไม่ถึง  มีการให้อุปกรณ์ป้องกันสำหรับผู้ที่ออกไปปฏิบัติงาน และผู้ที่ทำงานอยู่ในสถานี ซึ่งยังจะคงมาตรการนี้ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

แน่นอนว่าช่วงโควิด-19 สื่อบางแห่งปรับขยับองค์กรให้เล็กลง บางแห่งเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ประณต มองว่า หลังจากนี้ คือสถานการณ์ที่เรียกว่า”เผาจริง”ของทุกสื่อ ทุกธุรกิจ เชื่อว่าไม่มีผู้บริหารคนไหนอยากปลดหรือเลิกจ้างพนักงาน แต่เพื่อความอยู่รอดขององค์กร แต่ละองค์กรอาจเลือกตัดสินใจแตกต่างกันไป บางที่อาจใช้จังหวะนี้ทำองค์กรให้กระชับ เล็กลง เพื่อให้กิจการผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปให้ได้ บางแห่งอาจเลือกปรับหรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง มันเป็นสภาวการณ์ที่อยากบอกกับคนสื่อทุกคนว่า ต้องปรับตัวและฝ่าฟันกับสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้ และหากเป็นไปได้อยากให้ทบทวนเม็ดเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าสัมปทานให้กับ กสทช.อีกสักรอบ เพื่อนำมาประคองบุคลากรในวงการทีวีดิจิทัล ไม่ให้เป็นหนึ่งในอีกหลายล้านคนที่ต้องถูกเลิกจ้าง

รศ.พนา ทองมีอาคม กรรมการกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีความเห็นต่ออนาคตสื่อไทยหลังเหตุการณ์โควิด-19 ว่า ช่วงที่ผ่านมาสื่อมวลชนไทย จำเป็นต้องปรับตัวเองตามโซเชียลและเทคโนโลยี เป็นกระบวนการปรับตัวที่เริ่มมาก่อนหน้ายุคโควิด เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนตัวมองว่าสื่อไทยต้องปรับตัวใน 4 อย่าง หลังเหตุการณ์ คือ 1.เมื่อเกิดโรคระบาดโควิดฯ คนต้องการความรู้เพราะเป็นเรื่องของชีวิต เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือ เรตติ้งช่อง 11 สูงขึ้นมาก เพราะคนติดตามข่าวสารความรู้ที่ถ่ายทอดจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ หลักๆ ผู้ที่มาออกอากาศจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าเรามองกลับไปในอดีตคนเรามักไม่ให้ความสนใจความรู้มากนัก แต่ต่อไปคนจะเสพข่าวความรู้มากกว่าเสพข่าวบันเทิง เปลี่ยนแปลงจากข่าวที่เน้นอารมณ์ความรู้สึก เป็นข่าวสารความรู้มากขึ้น แต่จะไม่ได้เป็นรูปแบบสุดโต่ง จะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบผสมผสาน ดังนั้นการทำข่าวต้องเจาะลึก ค้นหาความจริงมากขึ้น

      

2.ความสำคัญของปัจจัยเรื่องเวลากับความถูกต้อง ในอดีตสังคมกว้าง แต่การสื่อสารไม่เชื่อมถึงกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งกว่าจะรู้อีกนาน  คุณค่าของสื่อจึงเน้นที่ความรวดเร็ว จะแข่งขันกันที่ความรวดเร็ว  แต่อนาคตความเร็วเป็นของที่หาได้มากมายในสังคมโซเชียล เมื่อเกิดอะไรขึ้นสังคมจะรู้เร็วมาก ดังนั้นความฉับไวจะเป็นอุปสรรคน้อยลง แต่ความถูกต้องแม่นยำจะต้องมีมากขึ้น ปัจจุบันคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว มีนักข่าวภาคประชาชนเต็มไปหมด  คุณค่าของสื่อจึงอยู่ที่ความแม่นยำและถูกต้อง ต้องมีการตรวจสอบข่าวรายละเอียดที่ยืนยันว่าถูกต้องจริง

     

3.วิถีชีวิตของผู้คนหลังโควิดจะเปลี่ยน เป็นการใช้ชีวิตที่ระมัดระวังขึ้น ทำให้คนหยุดคิด เห็นภัยต่างๆว่าอยู่ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น ผู้คนมีความมั่นคงน้อยลง สะท้อนออกมาให้เห็นว่างานและเงินหายไป ดังนั้นคนจะกลับมาอดออมมากขึ้น จุดนี้ทำให้เกิดการประหยัด แสวงหาความบันเทิงที่มีสาระมากขึ้น ไม่ฟุ้งเฟ้อขาดความระมัดระวัง คนจะเสพสื่อที่เป็นสาระมากกว่าบันเทิง รูปแบบนี้อาจทำให้ผู้ประกอบการสื่ออาจจะไม่ได้เงินทันที แต่จะได้ในระยะยาว สื่อในยุค New Normal ต้องตอบสนองแนวทางการแสวงหาข้อเท็จจริง เสนอบันเทิงที่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ไม่ยั้งคิด สื่อต้องตอบสนองเรื่องปัญญา หมายความว่าต้องเจาะข่าวให้มากขึ้น

     

4.สื่อต้องปรับโดยให้คุณค่าการทำงานของสื่อมากขึ้น ในอดีตไม่เห็นคุณค่าของคนเก่ง เน้นคุณค่าความสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของกองบรรณาธิการ เน้นเร็วราคาถูก ดังนั้นจะให้ความสำคัญนักข่าวใหม่ๆ ที่ความรู้ไม่มาก จะเห็นได้จากข่าวโควิด เมื่อนักข่าวพัฒนาตัวเองยังไม่พอ ขาดความรู้ที่แท้จริง ทำให้ข่าวเป็นกลางๆ ดังนั้นต้องปรับทิศทางให้คนทำสื่อต้องมีความรู้มีฝีมือมากขึ้น สื่อจึงต้องลงทุนด้านคนมากขึ้น 

      

“วิชาชีพสื่อจะยังอยู่ แต่รูปแบบจะเปลี่ยน เพราะมนุษย์ยังต้องการข้อมูลข่าวสาร สื่อนับว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งในสังคมสื่อเองต้องปรับตัวตลอดเวลา ซึ่งรายได้ก็เป็นส่วนหนึ่งในกำหนดหนึ่งถึงความอยู่รอด”

 ดร.สิขเรศ ศิรากานต์ นักวิชาการอิสระด้านสื่อดิจิทัลและสื่อใหม่ แสดงความเห็นของคำว่า New Normal ในวงการสื่อว่า ก่อนจะไปใช้  New Normal ของสื่อนั้นต้องมองก่อนว่าสื่อคืออะไร ในแง่ของจริยธรรมการประกอบวิชาชีพ อุตสาหกรรมสื่อ หน้าที่ของเราคืออะไร ไม่เช่นนั้นจะหลงทาง ก่อนหน้านี้ในยุคดิจิทัล ไปมุ่งที่เว็บไซต์-ยุคทีวีดิจิทัล โซเชียลมีเดียในรอบ10 ปีซึ่งเป็นช่องทางไม่ถูก ปัจจุบันเว็บไซต์ของเราพัฒนาไปถึงไหนต่อให้มีการพัฒนามากแค่ไหน ถ้าเรายังไม่มีแพลตฟอร์มของเราก็พัง

      

“ในยุคโซเชียลฯมีผู้ประกอบการได้กำไรแค่ในระดับหน่วยเปอร์เซนต์ของรายได้ที่มีถ้าจะบอกว่าจะค้นหาสื่อยุค New Normal แล้วต้องมีการปรับตัว เราหาความปกติของสื่อให้ได้ก่อน ที่ผ่านมาก็ไม่ปกติอยู่แล้ว ตอนนี้จะปรับตัวไป New Normal ให้ได้ผลกำไร ในแง่วิชาชีพสื่อช่วง 4-5 ปีมานี้ก็ไม่ปกติอยู่แล้ว ทั้งศีลธรรม จริยธรรม ถ้าเรายังหาคำว่าปกติไม่ได้ เราก็จะหาสมดุลของเราไม่ได้เลย เป็นความสมดุลของธุรกิจ ระบบใหม่จะปรับไปได้หรือไม่ สภาวะ New Normal จะอยู่ไป 3 เดือนหรือ 1 ปี”

      

ดร.สิขเรศ เห็นว่าคำว่า New Normal เป็นวาทกรรมอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน อุตสาหกรรมสื่อมีวิวัฒนาการตลอดเวลา แต่ที่ผ่านมามีการลดระยะการปรับตัวจากรอบรายปีเป็นรายเดือนเป็นเรื่องปกติไม่ได้ปกติใหม่ เป็นวิวัฒนาการที่เร็วมากยิ่งขึ้น สังเกตว่าในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาในสื่อทีวีไม่มีอะไรใหม่เลย อาจจะมีเทคโนโลยีในบางอุตสาหกรรมฯ เช่น คอนเสิร์ตโดยซูม แต่ก็เป็นครั้งคราวไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ กลายเป็นความคุ้นชิน การใช้ซูม ไม่ได้มีประสิทธิภาพ ในแง่การสื่อสารเป็นมิติสื่อสารระหว่างบุคคล  การปรับตัวของเราไม่มีอะไรใหม่ ถึงเราจะใช้เทเลคอนฯหรือคอนเสิร์ตซูม ก็ไม่สามารถมาทดแทนความรู้สึก ไม่ตอบโจทย์ในความเป็นมนุษย์ เป็นไปไม่ได้เลย

   

อนาคตของสื่อไทยหลังโควิดฯเป็นอย่างไร ดร.สิขเรศ มองว่าสื่อยังคงทำเหมือนเดิม New Normal เป็นเพียงยกระดับทางวาทกรรม หลังโควิดฯการผลิตรายการหนีเข้าสถานีมากขึ้น ยืดระยะเวลาออกอากาศในการเล่าข่าว 2-3 ชั่วโมง ตนจึงตั้งคำถามว่าในการทำงานมีอะไรใหม่ เป็นการขยับเพื่อหนีตาย ประหยัด ลดต้นทุน ขอความเห็นใจจากประชาชน ส่วนสื่อวิทยุแทบไม่มีอะไรปรับเปลี่ยน บางแห่งสลับทำงานที่บ้าน สื่อออนไลน์ ตราบใดที่ไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ทำคอนเทนต์ดีๆ ก็ต้องไปอาศัยแพลตฟอร์มของต่างชาติ 

      

“สุดท้ายสื่อไทย ยังอยู่ในวังวนหมือนเดิม ย้ำที่เดิม ถ้าไม่ปรับแนวคิดวิชาชีพ กระบวนการทำงานลดลง การสร้างประโยชน์ทางธุรกิจลดลง สื่อต้องยอมรับให้ได้ ช่วงเกิดโควิดฯไทยรัฐทีวี ถือโอกาสปรับโครงสร้าง ค่าใช้จ่ายลดลง เป็นโอกาสให้นายทุนลดค่าใช้จ่าย สื่อจะอยู่ได้ ต้องปรับองค์กรให้กระชับมากขึ้น ไม่เทอะทะ ให้เป็นองค์กรที่เล็ก สามารถจรยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นองค์กรที่ใหญ่โตไม่ได้แล้ว  นี่เป็นโอกาสทองในการปรับลดให้เล็กลง”.-สำนักข่าวไทย

บทความพิเศษ ครบรอบ 43 ปี #สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝน ภาคใต้หนักสุด

กทม. 14 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคใต้เตรียมรับมือฝนถล่ม ทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยา เผยภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ส่วนประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

วันเกิดอนุทิน

แกนนำรัฐบาลร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.- แกนนำรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น สส.อวยพร หลังเลือกตั้งขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปี พรรคภูมิใจไทยจัดงานวันเกิดครบรอบ 59 ปี ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยมีพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ บุตรชายนายสันติ, พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงบุคคลในครอบครัว เช่น ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา, เศรณี และนัยน์ภัค ชาญวีรกูล บุตรชายและบุตรสาวของนายอนุทิน, ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์และเป่าเค้ก […]

Nepal President and Interim Prime Minister

เนปาลยุบสภา หลังได้นายกฯ เฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรก

กาฐมาณฑุ 13 ก.ย.- ทำเนียบประธานาธิบดีเนปาลออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2569 หลังจากที่ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ ประธานาธิบดีรามจันทระ เปาเฑลของเนปาลสั่งยุบสภาและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งแต่งตั้งนางสุชีลา การ์กี วัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ หลังจากที่ได้เจรจาหารือกันอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 วัน กับผู้บัญชาการทหารบกและแกนนำผู้ประท้วงกลุ่มเจเนอเรชันซีหรือเจนซี (Gen Z) เพื่อเดินหน้าประเทศที่เกิดการลุกฮือครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,300 คน มีการเผาอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาล และบ้านพักนักการเมือง ทำให้นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียที่มีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเนปาล โพสต์เอ็กซ์ (X) แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อนางการ์กีที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเฉพาะกาลเนปาล และว่าอินเดียมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความรุ่งเรืองของพี่น้องชาวเนปาล การประท้วงในเนปาลปะทุขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุแล้วลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 8 กันยายน ชนวนเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไปโหมกระพือกระแสความไม่พอใจเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศที่ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี 2551 […]

“อนุทิน” เข้าพรรคฯ นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.-“อนุทิน” เข้าพรรคภูมิใจไทย วันเกิด นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย ก่อนแถลงต่อสภาฯ ขณะที่ภาคเอกชน-นักการเมือง-ข้าราชการ ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิด ครบ 59 ปี บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 14.15 น. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่งแจกันดอกไม้สีฟ้า-ขาว มาร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิด ครบ 59 ปี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขณะที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายยังมีบรรดานักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิดและแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พลเอกเทพพงษ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย นอกจากนี้ยังมีแจกันดอกไม้ที่ส่งมาอวยพรนายอนุทิน ทั้งส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฯ […]