“อรรถพล”กับภารกิจนำ ปตท.ร่วมขับเคลื่อนประเทศ



กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. –ซีอีโอ ปตท.
คนที่ 10
อรรถ​พล ฤกษ์พิบูลย์”
 กับภารกิจ ขับเคลื่อน ปตท.ระบบนิเวศน์ด้านพลังงานของประเทศ
ให้สอดคล้องกับการการเปลี่ยนแปลง ด้วยกลยุทธ์ 
 
 “PTT by
PTT


 

            อรรถ​พล ฤกษ์พิบูลย์”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน
)  คนที่ 10 โชว์วิสัยทัศน์ต่อสื่อครั้งแรกเมื่อ 12 มิ.ย.63 เปรียบ ปตท.เป็นต้นไม้ใหญ่เป็น
Platform
ที่หลายส่วนมาเกาะ หรือเกี่ยวข้อง
ดังนั้น การขับเคลื่อน ก็ต้องโตไปกันพันธมิตร ทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ  
win-win ทุกฝ่าย ด้วยPartnership&platform เช่นธุรกิจก็ดู Solution ทั้งvalue chain การปรับเปลี่ยนขับเคลื่อนทุกทุกด้าน
ทุกธุรกิจจะเกิดขึ้นให้ไวต่อการเปลี่ยนแปลง จะมีอย่างต่อเนื่อง

 


         
ธุรกิจของ ปตท. คือ Ecosystem
ด้านพลังงานของประเทศ ปตท.เป็นผู้ดูแลและต้องปรับเปลี่ยน Ecosystem นี้ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
และจะต้องเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ..การทำหน้าที่ ในตำแหน่ง
CEO ปตท.ภาระหน้าที่จะต้องหลอมรวมจิตวิญญาณ
ของพนักงาน ของผู้คน ของผู้มีส่วนได้เสียที่จะทำงานร่วมกัน ให้ก้าวข้ามผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลง
สร้างความไว้วางใจ นำมาซึ่งความผูกพัน ความสามัคคี และก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกัน”

          

            “อรรถพล” หรือ คุณโด่ง เป็นลูกหม้อ ปตท. เริ่มทำงานในตำแหน่งวิศวกร ปี 2532
และขึ้นมาสู่ระดับบริหารหลายตำแหน่ง จนได้รับการคัดเลือก มาเป็น
CEO ช่วง การระบาดCovid-19 เศรษฐกิจติดลบทั่วโลก  หุ้นตก ราคาน้ำมันร่วงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
 ผลประกอบการติดลบ โดย กลุ่ม ปตท.ทั้งกลุ่ม
ขาดทุนสตอกน้ำมันไตรมาส 1/63 ถึง 7 หมื่นล้านบาท
 ปตท.ขาดทุนสุทธิ 1.5
พันล้านบาท   เป็นการซ้ำเติม
ความท้าทายเดิมของธุรกิจปิโตรเลียม จากที่ โลกกำลังเปลี่ยนผ่านการใช้เชื้อเพลิง ไปสู่
 
New Energy​  ไปสู่พลังงานทดแทน  ตามยุค
disruptive
technology
ดังนั้น น้ำผึ้งพระจันทร์​
คงไม่มีให้ดื่ม มีแต่ฝีมือต้องแสดงให้เห็น..

      องค์กร​ใหญ่​อย่างนี้ ทั้ง กลุ่มปตท.สร้างรายได้แก่ประเทศ เทียบเท่า 13% ของGDP มูลค่าหุ้นปี62 มีมูลค่าอันดับ1ในตลาดหลักทรัพย์
2.1ล้านล้านบาท และตั้งแต่ปี44-62 หรือหลังกระจายหุ้นเป็นต้นมา ปตท.สร้างรายได้รัฐทั้งรูปเงินปันผลและภาษีไปแล้ว9.6แสนล้านบาท … ใครใครก็อยากมาปฏิสัมพันธ์ด้วย ทั้งแง่ การเมือง NGO ธุรกิจ ประชาชน ประชาสังคม.. จะสร้างสมดุลย์ ( Balance
) อย่างไรให้เหมาะสม..โลกยุคใหม่
ยุคดิจิทัล​ เงินใต้โต๊ะ​ คงไม่มี มีแต่เงินทอน…จะป้องกันอย่างไร

 

        “ภารกิจ ปตท.
ยังคงต้องรักษาความเข้มแข็งของธุรกิจหลักและสร้างธุรกิจใหม่แทนที่การเติบโตในรูปแบบเดิม
โดยผมมุ่งหวังที่จะให้กลุ่ม ปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศ
และเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง
โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน
มุ่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
พร้อมพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ตามแนวคิดที่เรียกว่า
PTT หรือ Powering Thailand’s
Transformation”..
ซีอีโอ ปตท.ระบุ

           ซีอีโอ “อรรถพล” ชี้แจงว่า จะใช้ กลยุทธ์ PTT by
PTT
ขับเคลื่อน
 แนวคิด
  Powering Thailand’s Transformation  ซึ่งจะต่อยอดการดำเนินงานจากการสร้างความเข้มแข็งจากภายในผสานด้วยการเปิดกว้างทางความคิด
รับบริบทจากภายนอก (
inside-out &
outside-in)
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
 ประกอบด้วย

         Partnership and Platform เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจของปตท.ให้มีลักษณะเป็นแพลตฟอร์มากกว่าการเป็นผู้ผลิตสินค้าและจำหน่าย
, Technology for All เทคโนโลยีที่เกิดจากการผสมผสานด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ
นวัตกรรม และดิจิทัล และ
Transparency
and Sustainability
สร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ

          แนวบริหารจัดการระยะยาวนั้น
ยุทธศาสตร์ของกลุ่มธุรกิจ จัดแยกเป็น 3 กลุ่มหลัก

           1.ธุรกิจขั้นต้น  ( Upstream)  มุ่งสู่การสร้างห่วงโซ่อุปทานธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว
(
LNG) หรือ LNG Value Chain ที่จะมองถึงการพัฒนาตั้งแต้ต้นไปถึงการสร้างโรงไฟฟ้า  Gas to Power  โดยในส่วนของธุรกิจบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
(
PTTEP) จะเน้นการขยายในธุรกิจก๊าซฯเป็นหลักเพราะก๊าซฯยังเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในช่วงเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีพลังงานที่คาดว่าจะใช้เวลา
20 ปี
ซึ่งจะต้องพัฒนาต้นทุนให้ต่ำที่สุดเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน

              ส่วนธุรกิจก๊าซฯ เน้นการเป็น Regional Hub เน้นเรื่องการตลาดนำเข้าส่งออกในอาเซียน
 และขายโซลูชันแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศแบบครบวงจน
และใช้ศักยภาพ ปตท.เจรจาจากผู้ค้าแอลเอ็นจีทั่วโลกก็จะ สามารถนำเข้าได้ในราคาที่ถูก
 ก็จะทำให้ลูกค้าผู้ใช้ก๊าซฯจากปตท.ไม่ลดลงไป  ในขณะที่ กิจก๊าซฯและไฟฟ้า
ต้องมีการปรับโครงสร้างเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในอนาคตด้วย
ซึ่งในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าก็จะรุกในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะ
ในประเทศความต้องการไฟฟ้าไม่ขยายตัว  

         2.ธุรกิจขั้นปลาย (Downstream) ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันต้องวางตัวให้เป็นลำดับต้นของอุตสาหกรรมเพื่อที่จะให้สามารถยืนอยู่ได้จนรายสุดท้าย
เพราะยอมรับว่าราคาน้ำมันผันผวนอย่างหนัก
มองว่าปีนี้แม้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะขยับขึ้นมาแล้ว สุดท้ายก็คงจะยืนอยู่ประมาณ
40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  ด้านธุรกิจปิโตรเคมีต้องแข่งขันได้แม้จะเผชิญวัฏจักรขาลง
โดยต้องเน้นสินค้ามูลค่าเพิ่มและ
Specialty   รวมทั้งในภาวะเช่นนี้ก็ต้องมองถึงโอกาสการซื้อกิจการควบคู่กันไป
พร้อมทั้งมองต่อยอดในสินค้ากลุ่มไบโอเคมิคอลด้วย,ธุรกิจเทรดดิ้งจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศและการสร้างรายได้จากการทำธุรกิจ
 , ด้านธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกนั้น
จะมุ่งสร้างแบรนด์คนไทยไปขยายในต่างประเทศ ในรูปพาเอสเอ็มอีไทย
และธุรกิจที่ไม่ใช้น้ำมัน (
Non-oil ) เติมโตไปพร้อมกัน

         3 ธุรกิจนวัตกรรมใหม่ รับ NEW S-Curve

 พัฒนา พลังงานใหม่ พลังงานทดแทน
โดยมองให้ครบไปทั้งห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจไฟฟ้า,ธุรกิจโลจิสติกส์
การร่วมทุนกับสตาร์ทอัพต่างๆ การพัฒนานวัตกรรมตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป
การพัฒนา
5 จี ที่มุ่งสู่ทุกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing  ,Smart city , Smart
Mobility
 

        “อรรถพล”  เกิดวันที่ 19 ก.ค. 2508 ปัจจุบันอายุ 54 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนศึกษาต่อปริญญาโท
พัฒนาการเศรษฐกิจมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
รวมทั้งอบรมในหลักสูตรต่างๆมาย  เข้ารับตำแหน่ง ซีอีโอ ปตท. เมื่อวันที่ 13
พฤษภาคม 2563  วาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี  -สำนักข่าวไทย  

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]

นายกฯ เข้าสภา ก่อนโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69

รัฐสภา 31 พ.ค. – นายกฯ บอกเจ็บคอ หลังสื่อถามต้องเช็กเสียงก่อนโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 หรือไม่ เมื่อเวลา 14.50 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการลงมติรับหรือไม่รับในวาระแรก ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะต้องมีการเช็กเสียงก่อนลงมติหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ เพียงแต่หันมาแล้วใช้มือชี้ที่คอของตัวเอง ก่อนระบุว่า “เจ็บคอ” และเดินขึ้นห้องประชุมทันที.-316-สำนักข่าวไทย

กองปราบย้าย “สจ.กอล์ฟ-พวก” เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

กทม. 31 พ.ค.- ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “สจ.กอล์ฟ” พร้อมพวกทั้ง 7 คน จากเรือนจำ จ.สงขลา ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว ด้าน ผอ.กกต.สงขลา แจ้งความดำเนินคดีอาญาเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 10 คน คดีนายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ ที่สั่งลูกน้องไปรุมทำร้ายตำรวจ ตชด. ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้งท้องถิ่นเทศบาลตำบลพะวง อ.เมืองสงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา และคดีนี้มีการโอนย้ายให้ทางตำรวจกองปราบดำเนินการ และทางตำรวจกองปราบได้ยื่นหนังสือคำร้องโอนย้ายการฝากขังจากศาลจังหวัดสงขลา มาเป็นศาลอาญารัชดา และทำหนังสือไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อขอโอนตัวผู้ต้องขังทั้ง 7 ราย จากเรือนจำจังหวัดสงขลา มาคุมขังต่อยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อความสะดวกในการดำเนินการทางคดี ล่าสุด เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.68) ได้มีการส่งตัว สจ.กอล์ฟ พร้อมพวกทั้ง 7 รายจากเรือนจำจ.สงขลาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว โดยภารกิจนี้ถูกปิดเป็นความลับเพื่อความปลอดภัย โดยผู้ต้องขังทั้ง 7 รายประกอบด้วย นายสิรดนัย […]

ตำรวจเมากร่าง ถูกให้ออกจากราชการ

เชียงใหม่ 31 พ.ค.-ให้ออกจากราชการ ตำรวจเมากร่าง ทำร้ายร่างกายตำรวจจราจร สภ.สันกำแพง ขณะปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปตำรวจนายหนึ่ง ได้ใช้คำพูดด่าทอหยาบคาย และถึงขั้นเข้าไปทำร้ายร่างกายตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรสันกำแพง ขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณแยกต้นเปาพัฒนา ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยต้นเหตุเกิดจาการที่ตำรวจที่มีอาการมึนเมา ขับรถไปเฉี่ยวชนรถของผู้อื่นจนได้รับความเสียหาย และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมาดูแลความเรียบร้อย แต่กลับถูกด่าทอ และทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ ที่เมาแล้วกร่าง ถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย 2.ขับรถในขณะเมาสุรา 3.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และ 4.ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และล่าสุด วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจตรี วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการกองบังคับการ สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีคำสั่งที่ 204 / 2568 ให้สิบตำรวจเอก นายดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อน […]