กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – “กกพ.” ร่วมมือผู้นำเข้า LNG และ ปตท.ทำแผนพร้อม จัดหา LNG น้ำมัน ผลิตไฟฟ้าให้พอเพียง ไม่ขาดแคลน หากขัดแย้งตะวันออกกลางปะทุ ระบุขณะนี้ยังไม่กระทบการจัดหา LNG ในขณะที่ราคา Spot LNG อยู่ที่ราว 13 ดอลลาร์/บีทียู
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. ได้พิจารณาสถานการณ์การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ในช่วงระหว่างวันที่ 13 – 24 มิถุนายน 2568 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันและ LNG ในตลาดโลกเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซ และ LNG เพื่อให้สามารถจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ก๊าซในภาคไฟฟ้าและอุตสาหกรรมของประเทศ โดย ให้ Shipper ของ LNGทุกรายในกลุ่ม Regulated Market รายงานข้อมูลสถานการณ์ส่งมอบ ,แผนการส่งมอบ LNG พบในปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบต่อการส่งมอบ LNG แต่อย่างใด
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดหา LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาแบบระยะยาว (Term) และสัญญาแบบรายเที่ยวเรือ (Spot) รวมประมาณ 12 ล้านตันต่อปี โดยในส่วนของสัญญา Term นั้น มีการจัดหาสัญญาระยะยาวจากประเทศกาตาร์ ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี และช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะต้องมีการส่งมอบ LNG จากประเทศกาตาร์ รวมทั้งสิ้น 11 ลำเรือ ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญต่อการจัดส่งพลังงานของโลก เนื่องจากมีปริมาณ LNG ต้องผ่านพื้นที่ดังกล่าวจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวม 83 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของอุปทานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG supply) ของโลก รวมถึงเป็นช่องทางการค้าน้ำมันมาก20.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 20% ของปริมาณการค้าน้ำมันทั่วโลก
ในด้านราคา Spot LNG มีความผันผวนสูง โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ($/MMBTU) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน เป็น 14.81 $/MMBTU ในวันที่ 23 มิถุนายน หรือเพิ่มขึ้นราว 10% ในช่วงที่มีการตอบโต้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อย่างไรก็ตามราคา Spot LNG มีการปรับลดลงในวันที่ 24 มิถุนายน ลดลงลงมาอยู่ที่ 13.21 $/MMBTU หรือลดลงราว 10.8% ภายในหนึ่งวันหลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งชั่วคราว หยุกยิงระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน
อย่างไรก็ตาม กกพ. ได้มีการหารือแนวทางรองรับกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซและไม่สามารถรับ LNG จากประเทศกาตาร์ไว้ดังนี้ 1. เพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย,แหล่ง JDA และเมียนมา โดยเพิ่มการเรียกรับก๊าซ การบริหาร จัดการปริมาณก๊าซส่วนเพิ่มตามความยืดหยุ่นของสัญญา (Swing Gas) ให้เต็มศักยภาพ 2. จัดหา Spot LNG ส่วนเพิ่มจาก Supplier โดยขอให้ Shipper ทุกรายไปหารือคู่ค้า LNG ของตนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุฉุกเฉิน และ 3 .กรณีที่ไม่สามารถจัดหา Spot LNG เพิ่มเติมได้เพียงพอ หรือ กรณีที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Spot LNG สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า อาจมีการพิจารณาสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมัน จึงขอให้ ปตท. ตรวจสอบศักยภาพในการจัดส่งน้ำมันและปริมาณความต้องการน้ำมันของโรงไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญาควบคู่ไปด้วย. -511-สำนักข่าวไทย