นนทบุรี 4 มิ.ย.-พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ พ.ค.ติดลบ 3.44% นับเป็นการติดลบมากสุดในรอบกว่า 10 ปี นับจาก ส.ค.52 ยอมรับเข้าสู่ภาวะเงินฝืด
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แถลงภาวะเงินเฟ้อ เดือนพฤษภาคม 2563 ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2563 ลดลง 3.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.01% นับเป็นการติดลบมากสุดในรอบ 10 ปี 10 เดือน นับจากเดือนสิงหาคม 2552 จากที่เคยติดลบมากสุดเดือนกรกฎาคม 2552 ที่ลดลงถึง 4.4% หลังวิกฤติซับไพรม์ ทำให้เข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิคแล้วในขณะนี้ ส่วนภาพรวมเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.63) เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาติดลบ 1.04% และเงินเฟ้อพื้นฐาน สูงขึ้นร้อยละ 0.40% อย่างไรก็ตาม เงินเฟิอทั้งปีติดลบแน่นอน และทางสำนักงานฯ ยังไม่ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2563 ที่จะติดลบ 0.2% ถึงติดลบ 1.0%
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (ตามความหมายแคบ) ยังคงมีสินค้ามีราคาสูงขึ้นมากกว่าราคาลดลง จึงไม่สอดคล้องหลักวิชาการที่ราคาสินค้าต้องลดลง โดยสินค้าที่ลดลงมาเป็นน้ำมันและไฟฟ้าประปา เป็นปัจจัยเงินเฟ้อพฤษภาคมลดลง และผักสดลดลงปีที่แล้วฐานสูง สาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะมีการปรับสูงขึ้นหลายครั้งในเดือนนี้ แต่ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพบางรายการ นอกจากนี้ ฐานราคาอาหารสด โดยเฉพาะผักสดปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง ทำให้ราคาผักสดลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี สำหรับราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่นๆ ส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว
ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ส่งผลให้ภาคการผลิตและบริการ ทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว แม้ว่าจะมีหลายประเทศรวมถึงไทยได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บ้างแล้ว แต่ยังคงจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในบางกิจกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าและบริการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าว นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับศักยภาพการผลิตและความสามารถด้านการแข่งขันของไทยยังอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อกลับเข้าสู่ทิศทางปกติได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ภัยแล้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญต่อไป
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นสูงสุดในรอบ 6 เดือน แม้ต่ำกว่า 50 จาก 33.3 มาอยู่ 38.1 ทุกภาคทุก ๆ อาชีพ แสดงประชาชนมั่นใจนโยบายของรัฐและการปลดล็อกดาวน์สร้างความมั่นใจมากขึ้น คาดว่าเดือนต่อไปจะดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย