fbpx

รัฐยังไม่ช่วยซอฟท์โลน 25,000 ล้านบาท หลายสายการบินเล็งลดขนาดองค์กร-ลดคน

กรุงเทพฯ 1 มิ.ย.-ธุรกิจการบินของไทยระส่ำ!!! จับตาเดือน มิ.ย.นี้ หลายสายการบินหนีตายอีกรอบ ทั้งลดขนาดองค์กร ปลดคน ควบรวมกิจการ หลังแนวทางขอรัฐช่วยหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 25,000 ล้านบาท หายเงียบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากวิกฤติในธุรกิจการบินที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อ บมจ.การบินไทย ในฐานะสายการบินแห่งชาติต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการในศาลล้มละลายกลางแล้ว ล่าสุดมีรายงานข่าวจากผู้บริหารสายการบินสัญชาติไทยที่ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ Low Cost Airline และ Full Service  กำลังพิจารณาแนวทางที่จะต่อชีวิตธุรกิจภายในเดือนมิถุนายนนี้

โดยแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันสายการบินเหล่านี้จะกลับมาบินให้บริการแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเวลา (เคอร์ฟิว) ให้บริการ และการเข้มงวดการเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลให้สายการบินแต่ละแห่งมีผู้ใช้บริการในช่วงเช้าและเย็นจำนวนน้อยมากไม่คุ้มกับต้นทุนการประกอบการ และเชื่อว่าสถานการณ์เดือนมิถุนายนนี้ก็ยังคงไปในทิศทางเดียวกัน แม้ภาครัฐจะขยับผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 แล้ว


โดยผู้บริหารสายการบิน Low Cost Airline แห่งหนึ่ง ระบุว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการสายการบินกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหนัก และกำลังพิจารณาแนวทางลดขนาดองค์กร จำนวนพนักงาน  และมีรายงานข่าวระบุด้วยว่ามีหลายสายการบินอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อนำไปสู่การควบรวมกิจการ

“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขอให้หยุดบินเส้นทางระหว่างประเทศ การขอให้ชะลอการเลิกจ้างพนักงาน ทั้งที่สายการบินไม่ได้ทำการบินเลย เพื่อไม่ให้แรงงานในธุรกิจการบินที่มีกว่า 20,000 คน ต้องได้รับผลกระทบตามธุรกิจอื่น ๆ และการกลับมาให้บริการบิน ก็ดำเนินการจัดมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดตามแนวทางของภาครัฐทุกอย่าง ขณะที่มาตรการขอความช่วยเหลือหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ที่สายการบิน 8 แห่ง ขอความช่วยเหลือวงเงินประมาณ 25,000 ล้านบาท จนถึงขนาดนี้ไม่มีเม็ดเงินเข้ามาช่วยเหลือแม้แต่บาทเดียว” แหล่งข่าว กล่าว

ทั้งนี้ ผู้บริหารสายการบินต้นทุนต่ำอีกรายหนึ่งระบุว่า Timeline การขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 สายการบิน 8 แห่ง ได้ยื่นจดหมายฉบับแรกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้มีมาตรการช่วยเหลือเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธุรกิจสายการบินในประเทศไทย


วันที่ 7 เมษายน 2563 ทั้ง 8 สายการบินสัญชาติไทยได้ยื่นหนังสือฉบับที่ 2 ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องขอให้รัฐบาลอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างหนักของวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ภาคธุรกิจการบินในประเทศไทย

หลังจากนั้นวันที่ 24 เมษายน 2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เรียกประชุมทั้ง 8 สายการบิน เพื่อหารือร่วมกันและได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เป็นเจ้าภาพปล่อยเงินกู้แก่สายการบิน โดยแบ่งเงินกู้ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อรักษาสภาพการจ้างงานพนักงานในธุรกิจการบิน (Pay roll) และส่วนที่ 2 เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจการบิน ( other fix costs) 

ทั้งนี้ ทาง EXIM Bank ได้ขอข้อมูลด้านการเงินจากทุกสายการบินและได้นำส่งข้อสรุปเงื่อนไขต่าง ๆ ของการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกลับไปที่กระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งธนาคารออมสินก็เตรียมวงเงินกู้กว่า 20,000 ล้านบาท ไว้ให้ EXIM Bank เพื่อที่จะนำวงเงินดังกล่าวไปปล่อยให้เป็นซอฟท์โลนแก่ทั้ง 8 สายการบิน แต่ซอฟท์โลนดังกล่าวทั้ง 2 ก้อนที่คาดว่าจะได้รับก็ยังไม่ถูกอนุมัติให้ผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ ผู้บริหารสายการบินหลายแห่งยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันสายการบินต่าง ๆ ยังเเบกรับผลกระทบต่อเนื่องยาวนาน บางสายการบินจำเป็นต้องหาวิธีการลดค่าใช้จ่ายในวิธีการต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของบริษัทโดยด่วน 

“เชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาสถานการณ์ธุรกิจการบินดี  เพราะหลังจากนี้หากผู้ประกอบการต้องปิดให้บริการหรือยกเลิกเส้นทางบินจำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อการกลับมาสนับสนุนการเดินทางในช่วงฟื้นฟูการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป” แหล่งข่าว กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

คนร้ายฆ่าสาวโบลท์ เครียด ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ

เครียด! “ไอ้แม็ก” มือฆ่าชิงทรัพย์สาวโบลท์ ใช้หัวโขกลูกกรง สน.มีนบุรี จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ ล่าสุดคุมตัวไปฝากขังแล้ว

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้