พัทยา 30 พ.ค.- สถานบันเทิงยังไร้วี่แวว โควิด-19 กระทบเด็กดริ้ง ต้องขายทองนำเงินมาใช้จ่าย บางคนเริ่มตัดสินใจตั้งหลักที่บ้าน
ไปดูชีวิตของพัทยาถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสถานบันเทิงที่สำคัญจนได้รับฉายาจากต่างชาติเป็นเมือง sex ของโลก แต่ทุกวันนี้กลับเงียบเหงา เป็นเพราะมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะที่อาชีพเด็กนั่งดริ้งต่างระทมหนัก ต้องเอาสิ่งของมีค่าไปจำนำ เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าย ในขณะที่กิจการผ่อนปรนในระยะที่ 3 ยังไร้วี่แววของการเปิดสถานบริการ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง พัทยา ซึ่งเคยเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมเดินทางมาไม่ขาดสาย แต่ปัจจุบันตอนนี้เปรียบเสมือนกับเป็นเมืองร้าง บรรดาร้านสถานบันเทิงที่มีอยู่ทุกหัวมุมของเมืองต้องปิดตัวลงอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบกับหลายคนที่ต้องหารายได้จากสถานบันเทิงเหล่านี้ เช่นเดียวกับอาชีพเด็กนั่งดริ้ง
นางสาวเอ นามสมมุติ ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นมาม่าซังค่อยจัดหาเด็กนั่งดริ้ง มาเอ็นเตอร์เทนให้กับนักท่องเที่ยว เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตัวเองมีเด็กนั่งดริ้งที่ต้องดูแลมากกว่า 100 คน ในแต่ละเดือนทุกคนที่ทำอาชีพนี้ต่างมีรายได้มากกว่า 50,000 บาท โดยตัวเองจะมีรายได้หลายหมื่นบาทจากการแบ่งดริ้ง แต่พอเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้อาชีพนี้ต้องหยุดไปพร้อมกับสถานบันเทิง ซึ่งตอนนี้เป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนแล้วที่ไม่มีรายได้เข้ามา ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้ จนถึงตอนนี้ถึงขั้นนำเอาสิ่งของมีค่าไปขายเพื่อแลกเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย โดยในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายค่าบ้าน ค่าดูแลพ่อกับลูก ตกแล้วเดือนละประมาณ 20,000 บาท หากภายในอีก 2 เดือนข้างหน้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ อาจจะต้องหันมาเป็นแม่ค้าทำกับข้าวขายเพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว
ด้านนางสาวบี นามสมมุติ เปิดเผยว่า ตัวเองทำอาชีพเด็กดริ้งได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งแต่ละวันจะมีค่าดริ้งประมาณ 7 ดื่มต่อวัน ในราคาดริ้งละ 250 บาท เป็นเงิน 1,750 บาท เป็นอย่างน้อย โดยเคยทำรายได้สูงสุดที่ประมาณ 50,000 – 70,000 บาทต่อเดือน แต่พอเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ตอนนี้ไม่มีรายได้เข้ามาเลย ต้องนำเงินเก็บออกมาใช้และต้องประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแต่ละเดือนจะมีค่าใช้ประมาณ 20,000 บาท หากในอนาคตยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเองคิดว่าจะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนเพื่อนที่ทำอาชีพเดียวกัน บางคนก็เดินทางกลับบ้านตั้งแต่ช่วงแรกๆ บางคนที่เปิดร้านขายของออนไลน์หรือเป็นแม่ค้าบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทุกคนจะขายไม่ค่อยได้ เพราะก็มีคนที่เดือดร้อนเหมือนหันมาขายของเป็นจำนวนมาก จนทำให้ตอนนี้ไม่มีคนซื้อ
ทั้งนี้ นางสาวบี ยอมรับตัวเองอยากกลับไปทำงานเพราะต้องการรายได้ที่หายไป แต่ถ้าหากทางรัฐบาลอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดได้ อาจจะยังคงไม่ออกไปทำงานในช่วงแรก เพราะกลัวติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากอาชีพที่ทำอยู่ต้องค่อยนั่งดูแล ซึ่งต้องดูสถานการณ์เป็นระยะ หากมั่นใจแล้วจึงจะกลับมาทำงานอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย