บุกจับผับเถื่อนย่านสามพราน ยาเสพติดเกลื่อน

นครปฐม​ 23 มี.ค.-อธิบดีกรมการปกครอง นำทัพเปิด “ปฏิบัติการสิงห์ดับแสง” นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษบุกจับผับเถื่อน ย่านสามพรานนครปฐม ลอบเปิดให้บริการไร้ใบอนุญาต ขายเหล้าเกินเวลา นักเที่ยวยังนั่งดื่มเต็มร้าน ยาเสพติดเกลื่อน ผงะ!! ฉี่ม่วงอื้อ เตรียมชง ผู้ว่าฯ นครปฐม สั่งปิด 5 ปี

เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้​ (23 มี.ค.) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เข้าจับกุมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมาย ไร้ใบอนุญาตสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา และปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในสถานประกอบการ


โดยปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมผับเถื่อนในย่านสามพราน นครปฐม สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ว่ามีสถานบริการ มีการปล่อยให้ใช้ยาเสพติด และเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้บริการถึง 03.45 น. อยากให้หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบจับกุม

พนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน กระทั่งเวลา 03.00 น. วันที่ 23 มี.ค. 2568 ได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับ พบเป็นห้องทึบ เปิดเพลงแนวปาร์ตี้ มีแสง สี เสียง เต็มระบบ โดยจะมีดีเจผลัดเปลี่ยนกันให้บริการตลอดคืน พบนักเที่ยวจำนวน 212 คน กำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามัน ทั้งยังสูบบุหรี่พ่นควันคละคลุ้ง พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับได้เกิดความโกลาหล นักเที่ยวหลายคนต่างโยนยาเสพติดทิ้งออกจากตัว และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ


จากการเข้าตรวจสอบ “ร้าน Neon (นีออน)” พบว่าเป็นสถานประกอบการที่เปิดทำการค้าในลักษณะเป็นสถานบริการ มีการขายอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการแสดงดนตรี และให้นักเที่ยว ดื่มกิน เต้นรำ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแต่อย่างใด

ที่สำคัญสถานบริการแห่งนี้มีการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในร้าน ซึ่งตรวจสอบพบยาเสพติดตกกระจายเกลื่อนพื้น มีลักษณะเป็นผงสีขาว ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นยาคีตามีนและยาบ้า โดยพบในนักเที่ยวจำนวน 81 คน แบ่งเป็นผู้ชาย จำนวน 49 คน ผู้หญิงจำนวน 32 คน

พนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวเจ้าของร้าน ผู้ดูแล และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด ดังนี้
(1)ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
(2)ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย
(3)สุราผิดกฎหมาย ว่าด้วยกฎหมายศุลกากร


จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ซึ่งมีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในร้าน, มีการขายสุราในเวลาห้ามขาย จึงเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการสั่งปิดสถานบริการแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปี ในส่วน ของนักเที่ยวที่มีปัสสาวะสีม่วง ฝ่ายปกครองอำเภอสามพรานจะดำเนินกระบวนการตามกฎหมายต่อไป

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์​ อธิบดีกรมการปกครอง ระบุพบว่าสถานบันเทิง “ร้าน Neon (นีออน)” มีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดแจ้ง ทั้งการไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา ปล่อยปละละเลย ให้มีการขายและเสพยาเสพติดภายในร้าน ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดแจ้ง จากนี้จะได้สั่งการให้อำเภอสามพราน รายงานเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้ 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ต่อไป

อธิบดีกรมการปกครองยังได้กล่าวต่อไปว่า การจับกุมในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนโยบายในการจัดระเบียบสังคมด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ปลอดยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนนโยบายกรมการปกครอง 5A 2025 อำเภอปลอดภัย ซึ่งการจับกุมในวันนี้ นอกจากเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามข้อร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ยังเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลด Demand Supply เพื่อป้องกันไม่ให้สถานบริการเป็นสถานที่กระจายยาเสพติดไปสู่นักเที่ยวด้วยอีกทางหนึ่งด้วย และหากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย หรือได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งต่อ ผู้ใหญ่บ้าน หรือ กำนัน หรือแจ้งต่อปลัดอำเภอ นายอำเภอท้องที่ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขให้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1567.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]