รัฐสภา 29 พ.ค.- ฝ่ายค้านอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ชี้ เป็นเพราะความผิดพลาดจากการบริหารสถานการณ์โควิด-19 วอนรัฐช่วยเหลือพระสงฆ์ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ “เทวัญ” แจง โยกงบสนับสนุนวัดมาดูแลเพิ่ม นอกเหนือจากเงินวัดช่วยวัด เหมือนที่เคยช่วยพระที่ได้รับผลกระทบจากจังหวัดชายแดนใต้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ที่เกี่ยวกับการกู้เงิน 3 ฉบับ วันนี้ (29 พ.ค.) ซึ่งเป็นการพิจารณาวันที่ 3 มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม นายนิยม เวชกามา ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรกของ วันนี้ ว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ถือว่าเป็นการกู้เงินจากความผิดพลาดของรัฐบาลในการบริหารสถานการณ์โควิด-19 และเป็นการกู้เงินที่มีจำนวนมหาศาล เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยถึง 1.9 ล้านล้านบาท จึงจำเป็นต้องติติง และรัฐบาลจะนำเงินไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ เพราะประชาชนทั้งประเทศมีส่วนในการเป็นหนี้ร่วม
“ที่ผ่านมารัฐบาลดีใจ ที่แก้ปัญหาโรคระบาดได้ มีคนเสียชีวิตแค่ 56 คน แต่ มีคน 300 คนฆ่าตัวตายจากสาเหตุที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐบาล ธุรกิจล้มเหลว และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์รวยขึ้น แต่ประชาชนส่วนหนึ่งยากจน ไม่มีกิน และการเยียวยาก็ไม่ทั่วถึง รวมถึง พระก็ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง ได้เงินเยียวยา 40 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน” นายนิยม กล่าว
น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤต แทนที่รัฐบาลจะสร้างความเข้าใจถึงสาเหตุอาการของโรคให้กับประชาชน แต่กลับสร้างความวิตก โดยออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งที่มีผู้เสียชีวิตเพียง 2% จากจำนวนผู้ติดเชื้อ แล้วยังเอาสถานการณ์นี้มาออก พ.ร.ก.กู้เงิน ส่งผลให้ประเทศเป็นหนี้จนถึงชั่วลูกชั่วหลาน และเงินที่กู้มาก็ใช้แก้ปัญหาให้กับประชาชนจากสาเหตุของโรคระบาดเพียง 2% ส่วนอีก 98% นำมาใช้แก้ปัญหาจากการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลเอง และการแพร่ระบาดก็มีโอกาสกลับมาอีก
ขณะที่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การดูแลช่วยพระ 20,000 รูป วันละ 40 บาท จำนวน 30 วัน เป็นเงิน 24 ล้านบาท เป็นเงินของกองทุนวัดช่วยวัด เกิดจากการที่พระใช้เงินเดือนของพระ หรือนิตยภัตปีละ 1 เดือน มอบให้เป็นกองทุนที่ช่วยเหลือพระ ไม่ใช่งบประมาณของรัฐบาล แต่ในส่วนของรัฐบาลช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยการปรับเปลี่ยนงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ 2563
นายเทวัญ กล่าวว่า รัฐบาลได้เปลี่ยนงบประมาณโครงการอุดหนุนค่าใช้จ่ายสนับสนุนวัด มาเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันวิกฤตจากเชื้อโควิด- 19 จัดซื้อหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์และเจลล้างมือ ถวายแด่พระภิกษุสามเณร วัดศูนย์กลางระดับจังหวัด 92 วัด วัดละ 50,000 บาท เป็นเงิน 4.6 ล้านบาท วัดศูนย์กลางระดับอำเภอ 901 วัดวัดละ 20,000 บาทเป็นเงิน 18,02 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 22.62 ล้านบาท
“วันนี้ยังได้ทำเรื่องไปถึงกระทรวงการคลัง ขอให้สนับสนุนเงินช่วยเหลือพระ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนที่สนับสนุนพระที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ลดจำนวนเงินจาก 100 บาท เป็นรูปละ 60 บาท เป็นเวลา 20 วัน ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะประสานและส่งเงินไปยังวัดทั่วประเทศ อย่างน้อยจะได้ใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ” นายเทวัญ กล่าว
นายเทวัญ กล่าวว่า รัฐบาลยังมีโครงการ “ตู้พระธรรมนำสุข เพื่อประชาชน” โดยจัดทำตู้อาหารไปติดตั้งไว้ภายในวัดที่มีศักยภาพ เพื่อนำอาหารที่พระสงฆ์บิณฑบาต และเหลือจากการฉันมาใส่ไว้ในตู้ ให้ประชาชนสามารถกลับไปรับประทานที่บ้านได้ รวมถึง ประชาชนทั่วไปก็สามารถนำอาหารมาใส่ไว้ภายในตู้ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “สวนครัวนำสุขพอเพียง เพื่อเพียงพอ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” โดยนำพื้นที่วัดที่เหลือจัดเป็นพื้นที่ปลูกผักสวนครัว ให้ประชาชนมาใช้ปลูกพืชผักไว้รับประทาน หรือนำไปขายสร้างรายได้ให้กับประชาชนและวัด .- สำนักข่าวไทย