โควิด-19 พบคนไทยพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่ม

สธ.25 พ.ค.-สธ.เผยช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่งผลคนไทยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มขึ้น เตรียมเปิดโครงการก้าวท้าใจ season 2 ต้านภัยโควิด-19 จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ มุ่งเป้า กลุ่มสมาชิกใหม่ 5 แสนคน เพื่อหนุนคนไทยออกกำลังกายต่อเนื่อง 


นายสาธิต  ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในการเสวนาExercise in new normalในการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่13  ณ ห้องประชุมกำธร  สุวรรณกิจ  อาคาร 1 ชั้น 1 กรมอนามัย ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนนโยบายด้านส่งเสริมการออกกำลังกายแก่ประชาชนผ่าน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ 1) สร้างเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ ด้านสุขภาพที่ถูกต้อง  2) ส่งเสริมการออกกำลังกายโดยให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดี 3) ส่งเสริมการออกกำลังกายโดยใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ สื่อสารเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดของประชาชน และนำไปสู่  การออกกำลังกายระดับประเทศ  และ 4) ส่งเสริมให้บุคลากรสาธารณสุขเป็นต้นแบบด้านสุขภาพ (Health Model) 

ซึ่งในช่วงต้นปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้ดำเนินโครงการก้าวท้าใจ season 1 ขึ้น โดยมีผู้สนใจ  เข้าร่วมโครงการ 4.8 แสนคน รวมระยะทางสะสม 20 ล้านกิโลเมตร นับเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง แต่จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการปิดสถานที่ออกกำลังกายที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อต้องอยู่บ้าน ส่งผลให้มีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ


นายสาธิต กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ทำให้ประชาชนมีสถานที่ที่เอื้อต่อการออกกำลังกายมากขึ้น แต่ยังต้องมีการควบคุมและเฝ้าระวังโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งภายใต้สถานการณ์ในช่วงเวลานี้ กระทรวงสาธารณสุขมีแผนที่จะดำเนินโครงการก้าวท้าใจ season 2 ต้านภัยโควิด-19 ขึ้น เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย ที่สามารถทำได้ด้วยตนเองเตรียมพร้อมสู่วิถีชีวิตใหม่ (New normal) ด้วยรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เวทเทรนนิ่ง แอโรบิกแดนซ์ โยคะ และคีตะมวยไทย ผ่านการสะสมระยะเวลา การออกกำลังกายและสะสมแต้มสุขภาพ (Health point) 

“กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงานโครงการก้าวท้าใจ season 2 ต้านภัยโควิด-19 ครั้งนี้จะมุ่งไปที่กลุ่มประชาชนทั่วไป อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ชมรมออกกำลังกาย และหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายสมาชิกใหม่ 5 แสนคน ภายใต้ความร่วมมือหลายหน่วยงานร่วมกันดำเนินการให้เป็นรูปแบบตัวอย่างสำหรับการขับเคลื่อนกิจกรรมออกกำลังกายในชีวิตวิถีใหม่ ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพครั้งใหญ่ของประเทศ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว


ด้าน พญ.พรรณพิมล  วิปุลากร  อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การออกกำลังกายให้ได้ผลดีต่อสุขภาพนั้น ประชาชนต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-5 วัน วันละไม่น้อยกว่า 30นาที จึงจะสามารถช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ หัวใจ ปอด และหลอดเลือด ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น ลดการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมทั้งช่วยในเรื่องของสภาพจิตใจและการเข้าสังคม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดจากการทำงานหรือจากการเรียน และช่วยให้นอนหลับได้สนิทต่อเนื่องยาวนานมากขึ้นด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด