กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผย 5 เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

กรุงเทพฯ  22 พ.ค.-   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผย ชีวิตวิถีใหม่เร่งสังคมไทยก้าวสู่ยุคสังคมไร้เงินสด เปิด 5 เทรนด์ใหม่ครองใจลูกค้า 


นายฐากร ปิยะพันธ์  ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์  ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในเครือของบริษัท ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2563 ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ชีวิตวิถีใหม่ (The New Normal) ที่คนไม่ค่อยเดินทางออกนอกบ้าน เร่งให้สังคมไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสด โดยคนทุกวัยเริ่มคุ้นชินกับการใช้จ่ายออนไลน์  แม้ในภาพรวม ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของบริษัทจะลดลง 37% ในเดือนเมษายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จากข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ยังคงมีความต้องการซื้อในตลาด เพียงแต่เปลี่ยนหมวดการใช้จ่าย ไปตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ธุรกิจต่างๆ จึงควรเร่งปรับกลยุทธ์ โดยหันมาให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และมุ่งเจาะตลาดที่ยังคงมีศักยภาพสูง 


โดย 5 เทรนด์พฤติกรรมการใช้จ่าย คือ 1.ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด  ทุกวัยหันมาใช้จ่ายออนไลน์ จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตร ชี้ให้เห็นว่าช่วงมีนาคมถึงเมษายน 2563 จำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตที่ทำรายการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เฉลี่ยต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นถึง 37% โดยในจำนวนนี้ 10% เป็นผู้ใช้รายใหม่ ทั้งนี้ พบว่า ทุกวัยมีแนวโน้มใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น  แม้ว่ากลุ่มผู้ใช้ที่มีจำนวนมากที่สุดจะเป็นกลุ่ม Gen Y แต่กลุ่ม Baby Boomers ก็ปรับตัวมาใช้ช่องทางดิจิทัลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหมวดบริการส่งอาหาร และการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยพบว่ากลุ่ม Baby Boomer มีจำนวนครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในบางแพลทฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า แสดงให้เห็นว่า ชีวิตวิถีใหม่เป็นตัวเร่งให้สังคมไทยก้าวสู่ยุคสังคมไร้เงินสด 

2. กิน ช้อป ออนไลน์ ชีวิตต้องง่าย แค่ปลายนิ้ว  ยอดช้อปปิ้งออนไลน์ บริการส่งอาหาร เติบโตก้าวกระโดด ในช่วงที่ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ไม่สามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบ ผู้บริโภคเริ่มปรับตัว คุ้นชินกับวิถีชีวิตที่ง่าย สะดวกสบาย นิยมการสั่งอาหาร ช้อปปิ้งผ่านทางออนไลน์ เห็นได้จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดดังกล่าวในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 2563 ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยหมวดช้อปปิ้งออนไลน์มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนมีนาคม และ 75% ในเดือนเมษายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่วนบริการส่งอาหาร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรในเดือนมีนาคมและเมษายนเพิ่มขึ้น ถึง 300% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ช่วงเวลาการสั่งอาหารก่อนเที่ยงมีการเติบโตขึ้นมากจากก่อนหน้าช่วงโควิด น่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของคำสั่งซื้อในช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมง ทั้งนี้ พบว่า 92% ของลูกค้ามักใช้บริการผู้ให้บริการเพียงรายเดียว มากกว่าจะเปลี่ยนผู้ให้บริการไปมา เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ    แบรนด์ผู้ให้บริการที่ควรเร่งสร้าง brand loyalty ในหมู่ลูกค้า


3. เว้นระยะห่าง แต่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี – อินกับอุปกรณ์ไอที และความบันเทิงออนไลน์ จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตร พบว่า หมวดอุปกรณ์ไอที มียอดใช้จ่ายสูงขึ้น ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ก่อนที่จะเริ่มลดลงในเดือนเมษายน เนื่องจากนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้หลายบริษัทให้พนักงาน Work from Home  โดยกลุ่มที่มียอดใช้จ่ายในหมวดนี้สูงสุด คือ กลุ่ม Gen Y นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดความบันเทิงออนไลน์ เช่น บริการสตรีมมิ่ง เกมออนไลน์ โซเชียลมีเดียในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2563 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เทียบกับค่าเฉลี่ยยอดใช้จ่ายในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

4. เน้นใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น  ยอดใช้จ่ายหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต เติบโตต่อเนื่อง

วิกฤติที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง แต่หันมาใช้จ่ายในหมวดสินค้าจำเป็นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ หมวดที่ได้รับผลกระทบ คือ หมวดสายการบิน หมวดโรงแรมและหมวดท่องเที่ยว ซึ่งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรลดลงถึง 100%, 89% และ 66% ตามลำดับในเดือนเมษายน 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหมวดร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสินค้าแฟชั่น ลดลง 85%, 72% และ 77% ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม หมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต ในเดือนมีนาคม เติบโตถึง 34% และมียอดใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยเติบโตถึงสองเท่า เทียบกับยอดเมื่อปีที่ผ่านมา สำหรับพฤติกรรมการซื้อเห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนไป โดยลูกค้าจำนวนมาก ใช้จ่ายในหมวดนี้ ก่อนเที่ยง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และมีจำนวนการใช้จ่ายลดลงหลังสองทุ่ม ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ราว 15% ในเดือนมีนาคม และมีการซื้อจำนวนมากในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคม เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งซื้อเพื่อกักตุนสินค้า ก่อนจะลดลงในเดือนเมษายน โดยยอดใช้จ่ายในหมวดนี้ในเดือนเมษายนเติบโต 2% และมียอดใช้จ่ายรายวัน ใกล้เคียงกับยอดใช้จ่ายรายวันของปีที่ผ่านมา 

5.สนใจการออมและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น  ยอดใช้จ่ายหมวดกองทุนรวมพุ่ง

ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดกองทุนรวม เพิ่มขึ้น 196% ในเดือนมีนาคม และ 157% ในเดือนเมษายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เพื่อซื้อกองทุน SSF และยอดใช้จ่ายเพื่อชำระเบี้ยประกันกรมธรรม์ควบการลงทุน แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ หันมาให้ความสำคัญกับการออม และการลงทุน เพื่อความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย