ทำเนียบรัฐบาล 20 พ.ค.-โฆษก ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่เสียชีวิตเพิ่ม มีร้านค้าลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะแล้ว 67,904 ร้าน ผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านคน ขอประชาชนร่วมมือเช็กอินแล้ว อย่าลืมเช็กเอาท์ หลายกิจการผ่อนคลายแล้วปฏิบัติไม่ครบมาตรการ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (20 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,034 ราย รักษาหาย 2,888 ราย รักษาอยู่ 90 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 56 ราย โดยผู้ป่วยใหม่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดไว้ให้ เป็นชายไทย อายุ 45 ปี อาชีพเชฟร้านอาหารไทย กลับจากประเทศบาห์เรนวันที่ 15 พฤษภาคม และเข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดให้เป็นโรงแรมในกรุงเทพมหานคร ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม และไม่พบอาการ
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 พบผู้ป่วยในสถานกักกันโรคจำนวน 101 ราย เป็นชายมากกว่าหญิง สัญชาติไทยร้อยละ 98 อเมริการ้อยละ 1 และอังกฤษร้อยละ 1 ผู้ป่วยเดินทางมาจากประเทศต้นทางคืออินโดนีเซียมากที่สุดคือร้อยละ 64.36 ขณะที่การตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วจำนวน 328,073 ตัวอย่าง มีผู้ติดเชื้อ 3,028 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.92
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 4,986,332 ราย เสียชีวิต 324,910 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 1,570,583 ราย ส่วนอินเดียมีผู้ติดเชื้อ 106,475 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 70 ของโลก ส่วนประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทางศูนย์วัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์วิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด “mRNA” ประสบความสำเร็จในหนูทดลองแล้ว และเตรียมทดลองกับลิงในสัปดาห์หน้า
อ่านข่าว > ข่าวดีเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยฝีมือคนไทยประสบความสำเร็จในระดับดีหลังทดสอบในหนู https://www.mcot.net/view/5ec4e759e3f8e40aef43e564
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.สั่งการให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่มีวัคซีนใช้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันให้ประสานเตรียมการผลิตวัคซีนชุดแรกกับโรงงานผลิตในสหรัฐฯและแคนาดาแล้ว เพื่อนำมาใช้ทดสอบในคนตามขั้นตอนมาตรฐานสากล ขณะที่ YouGov จากประเทศอังกฤษเปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันโควิด-19 ของประชาชนใน 6 ประเทศอาเซียน คือสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 12,999 ราย พบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงที่สุดในอาเซียน” โฆษก ศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการใช้งานแพลตฟอร์มไทยชนะ ผ่าน www.ไทยชนะ.com ว่า การใช้งานของวานนี้(19 พ.ค.) เวลา 21.00 น. พบว่ามีร้านค้าลงทะเบียน 67,904 ร้าน มีผู้ใช้งาน 5,077,978 คน มีผู้เช็กอิน 8,584,803 คนและเช็กเอาท์ 6,359,921 คน และมีการประเมินร้านค้า 3,984,691 คน จังหวัดที่ผู้ให้บริการลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่กรุงเทพมหานคร 21,590 ร้าน รองลงมาคือ ชลบุรี นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี โดยผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนสูงสุด คือร้านอาหาร รองลงมาคือ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร การให้บริการ การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค และคลินิกเสริมความงามและร้านเสริมสวย
“ส่วนประเภทกิจการที่ผู้รับบริการเข้าใช้บริการสูงสุด คือห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ธนาคาร การจำหน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภค และร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งนี้ พบว่าตัวเลขของผู้ใช้บริการในการเช็กอินและเช็กเอาท์ยังมีความต่างอยู่มาก จึงขอย้ำว่าเมื่อเช็กอินเข้าใช้บริการแล้ว ต้องอย่าลืมเช็กเอาท์ เพื่อให้ประชาชนคนอื่นสามารถเข้ารับบริการต่อได้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้ทำการประเมินร้านค้าด้วยคะแนนที่ดี” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ผ่อนคลาย จำนวน 17,588 แห่ง พบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 5 แห่ง ซึ่งจะตักเตือน แนะนำ ตรวจซ้ำ ไปจนถึงปิดกิจการ และพบว่าผู้ให้บริการที่ปฏิบัติตามมาตรการไม่ครบ 1,863 แห่ง แบ่งเป็นกองถ่าย ร้อยละ 20 สถานออกกำลังกาย ร้อยละ 16.5 ร้านตัดผม ร้อยละ 13.9 และห้องสมุด ร้อยละ 12.9 นอกจากนี้ยังพบผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถาน 301 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 26 ราย.-สำนักข่าวไทย