กรุงเทพฯ 18 พ.ค. –ส.ส.เพื่อไทยเผยประชาชนร้องเรียนพบความไม่ชอบมาพากลโครงการเน็ตประชารัฐ หลายพื้นที่ล้มเหลว สัญญาณอ่อน เร่งรัฐแก้ไข ลดเหลื่อมล้ำ
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจากหลายพื้นที่ว่าไม่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตประชารัฐที่ดำเนินการโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ได้จริง ทั้งที่รัฐบาลลงทุนในโครงการนี้ด้วยงบประมาณสูงถึง 15,000 ล้านบาท ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม และเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของประชาชนที่เข้าไม่ถึงการใช้งาน
นายกฤษฎา กล่าวว่าโครงการเน็ตประชารัฐที่มีปัญหาร้องเรียนอยู่ขณะนี้ คือโครงการที่กระทรวงดีอีเอสจ้างบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ดำเนินการ โดยติดตั้งอินเตอร์เน็ตทั้งสิ้น 24,700 หมู่บ้าน จุดละ 5 แสนกว่าบาท ประกอบด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เชื่อมต่อเข้ากับบ้านเรือนและเเบบ Free wifi ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น นอกจากโครงการจะใช้งบประมาณสูงกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว ยังพบว่า Free wifi ที่ติดตามหมู่บ้านนั้นเชื่อมต่อไม่ค่อยได้ สัญญาณอ่อนมาก บางพื้นที่ติดตั้งในสถานที่ที่ไม่อำนวย หากอยู่ห่างจากจุดติดตั้งสัญญาณ 20-50 เมตร จะไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
นายกฤษฎา กล่าวว่า ส่วนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เชื่อมต่อเข้ากับบ้านเรือนนั้นมีราคาสูงและมีเงื่อนไขผูกพันนานเกินไป โดยบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ผูกขาดเพียงรายเดียว ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าเช่าแพงกว่าเน็ตชายขอบ ที่ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เกือบ 2 เท่าตัว ดังนั้น การให้บริการดังกล่าวจึงไม่ตรงกับเป้าหมายของรัฐบาล ที่โฆษณาว่ารัฐบาลจะให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
“โครงการนี้มีข้อครหามากมาย ผมเองได้รับเอกสารร้องเรียนจากพลเมืองดีมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อนำไปตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลและความไม่โปร่งใสอยู่หลายประการ ซึ่งจะได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป แต่ในเบื้องต้นอยากเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการให้ผู้รับผิดชอบรีบแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ของเน็ตประชารัฐสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้ง 24,700 จุด ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล และต้องรักษาระยะห่างทางสังคม อินเตอร์เน็ตจึงเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ที่ประชาชนต้องใช้งานในการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ดังนั้น การที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้โครงการเน็ตประชารัฐใช้งานไม่ได้จริงในบางพื้นที่ หรือมีราคาสูงยากแก่การเข้าถึง จึงถือเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาโรคระบาดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลเอง อีกทั้งเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ไม่สามารถทำมาหากินแข่งขัน สู้กับคนเมืองที่มีความพร้อมมากกว่า
“การใช้ชีวิตวิถีใหม่ ประชาชนต้องใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊คหรือเครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ที่ต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โครงการเน็ตประชารัฐมีความพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้วหรือยัง อย่าดูถูกว่าประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่รู้จักการใช้งานและไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็มีสมาร์ทโฟนกันทั้งนั้น รัฐบาลต้องรีบแก้ไขโดยด่วนให้เน็ตประชารัฐใช้งานได้จริงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพื่อให้คนไทยใช้ชีวิตวิถีใหม่ได้อย่างมีคุณภาพเหมือนกันทุกคน” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย