fbpx

ศบค.เผยหลังผ่อนปรนมาตรการ พฤติกรรมป้องกันโควิดลดลง

ทำเนียบ 17 พ.ค.-ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ชี้หลังมาตรการผ่อนปรน
พฤติกรรมการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-ของประชาชนลดลง ยันยืนพ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินถึงสิ้นเดือน


 

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (17 พ.ค.)
ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,028 ราย รักษาหาย
2,856 ราย รักษาอยู่ 116 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม
รวม 56 ราย โดยผู้ป่วย 3 รายใหม่
เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ากักกันตัวในสถานที่ของรัฐจัดให้ โดยรายแรก
เป็นนักศึกษาชาย อายุ 23 ปี กลับมาจากปากีสถาน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม และอีกสองราย
เป็นนักศึกษาชาย อายุ 21 ปีและ 23 ปี กลับมาจากอียิปต์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม


 

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อจำแนกจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมตามปัจจัยเสี่ยง
พบว่ามาจาก สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 1,183 ราย อาชีพเสี่ยง 284
รายสนามมวย 276 รายคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 270 ราย และสถานบันเทิง 226 ราย
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยยืนยันสองสัปดาห์ล่าสุด พบว่ามาจากศูนย์กักกันตัว จำนวน 23 ราย
ค้นหาเชิงรุกและค้นหาในชุมชน 18 ราย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 16
รายผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศ 10 ราย และไปในสถานที่ชุมชนสถานที่ท่องเที่ยว 3
ราย

 


น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 4,720,196 ราย
เสียชีวิต 313,220 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,507,773 ราย ส่วนในกลุ่มอาเซียนและเอเชีย
อินเดียมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด 90,648 รองลงมา
คือจีนและปากีสถานขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 70 ของโลก

 

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงประเด็นที่น่าสนใจ ในต่างประเทศ
พบว่ายุโรปและสหรัฐฯมีจำนวนเด็กที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับภูมิต้านทานซึ่งมีความเชื่อมโยงกับโควิด-19
เพิ่มขึ้น ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีเด็กอย่างน้อย 5
คนเสียชีวิตจากอาการดังกล่าว ซึ่งเด็ก 3 คนอยู่ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ และอยู่ในฝรั่งเศสและอังกฤษประเทศละ
1 คน ส่วนอีกอย่างน้อย 2 คนก็เสียชีวิตด้วยอาการคล้ายกัน ขณะที่องค์การอนามัยโลก
หรือ
WHO กำลังศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโควิด-19
กับโรคที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในอวัยวะต่างๆซึ่งทำให้เด็กป่วยและเสียชีวิต
และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเด็กจำนวนหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก(
ICU) ด้วยกลุ่มอาการข้างต้น
ซึ่งมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับโรคคาวาซากิและอาการท็อกซิกช็อก(
TSS)

 

สำหรับพฤติกรรมของประชาชนภายหลังรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนนั้น น.พ.ทวีศิลป์
กล่าวว่า  พฤติกรรมการป้องกันโดยรวม
ก่อนผ่อนปรนมาตรการ 23-30 เม.ย. ให้ความร่วมมือ  ร้อยละ 77.6 และหลังผ่อนปรนมาตรการ 8-14 พฤษภาคม
 ร้อยละ 72.5  การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ก่อนผ่อนปรนมาตรการ
ร้อยละ 91.2 หลังผ่อนปรนมาตรการ ร้อยละ 91.0  ล้างมือด้วยสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนผ่อนปรนมาตรการร้อยละ
87.2 หลังผ่อนปรนมาตรการร้อยละ 83.4 การเว้นระยะห่างทางสังคม
ก่อนผ่อนปรนมาตรการร้อยละ 86.1 หลังผ่อนปรนมาตรการร้อยละ 82.3
/การไม่เอามือจับหน้า ก่อนผ่อนปรนมาตรการ ร้อยละ 62.9 หลังผ่อนปรนมาตรการร้อยละ
52.9 ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทุกพฤติกรรมลดลงทั้งหมด

ขณะที่การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ผ่อนคลาย จำนวน 20,204 แห่ง พบว่า
มีการปฏิบัติตามมาตรการ 20,153 แห่ง ปฏิบัติตามไม่ครบและได้รับคำแนะนำ 51 แห่ง
คิดเป็นร้อยละ 0.25 และไม่มีผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ

 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึงแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ที่ให้ผู้ประกอบการและประชาชนลงทะเบียน
วันนี้วันแรก หลังมีมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้บังคับ
แต่เป็นการขอความร่วมมือ แต่จะเป็นผลดีกับทุกคนเพื่อ
รับทราบความหนาแน่นของผู้ไปใช้บริการและส่งผลดีกับผู้เปิดกิจการ
และเพื่อเป็นการตรวจสอบมาตรการต่างๆ 
ซึ่งทุกอย่างมีความสะดวกและไม่ได้ยุ่งยาก ซึ่งประชาชน
ผู้ไปใช้บริการให้สแกนคิวอาร์โค้ดของร้านนั้นๆ
เพื่อเข้าไปดูว่ามีผู้ใช้บริการอยู่เท่าไหร่
ทั้งนี้หากมีผู้ใช้บริการติดเชื้อโควิด-19
ก็จะสามารถจำกัดการตรวจสอบกลุ่มเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องตรวจแบบหว่านแห  และจะเป็นการประหยัดงบประมาณของภาครัฐด้วย
นอกจากนี้ยังมีช่องทางติดต่อสื่อสารทั้งเบอร์โทร 1119 และ
Line ไทยชนะ
เพื่อตอบข้อซักถามและปัญหาต่างๆ

 

ส่วนเมื่อสถานการณ์ต่างๆดีขึ้น
โดยไม่มีการติดเชื้อเพิ่ม จะมีการพิจารณาไม่ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้
พ.ร.บ.ควบคุมโรคมาใช้แทนหรือไม่ น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม
และหากจะมีการปรับเปลี่ยน คณะกรรมการด้านกฎหมายก็จะมีการเสนอมายังที่ประชุม ศบค.
เพราะต้องประมวลกฎหมายหลายๆด้าน หากจะยกเลิกกฎหมายต่างๆ
ต้องพิจารณาผลกระทบอย่างลึกซึ้ง ทั้งสถานการณ์ในไทยและของโลก
ส่วนการประกาศห้ามบินเข้าไทย จนถึง 30 มิ.ย. แต่ยังมีคนไทยตกค้างอยู่ในต่างประเทศ
เรื่องนี้ต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ ทั้งการมีพื้นที่รองรับ ผู้ที่เดินทางกลับมา
รวมถึงต้องมีเที่ยวบินที่บินกลับเข้าไทยด้วยและผู้ที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องมีการลงทะเบียนไว้ให้เรียบร้อย.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

ยัน รบ.ไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ไม่ทำให้ขาดสภาพคล่อง

“จุลพันธ์” ยันรัฐบาลไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นกลไกงบประมาณ มั่นใจไม่ทำ ธ.ก.ส.ขาดสภาพคล่อง บอก อย่าลืมรัฐถือหุ้น100% พัฒนา “ซูเปอร์แอปฯ” ใช้งบประมาณไม่ถึงพันล้าน