แนะกลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่รีบรับวัคซีน ป้องกันสับสนกับโควิด-19 ช่วงฤดูฝนนี้

กทม.12พ.ค.-แพทย์แนะกลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่และบุคลากรทางการแพทย์รีบไปฉีดวัคซีนก่อนเข้าฤดูฝน ชี้อาการเบื้องต้นคล้ายโควิด-19 หากผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่งจะสร้างความสับสน เป็นปัญหาในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ “นพ.ยง”ย้ำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้แบบที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย 


สำนักงานหลักประสันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  จัดเสวนาออนไลน์ เรื่อง “วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทางรอดใหม่จากโควิด-19” วันนี้ (12 พ.ค.) โดยมี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ร่วมอภิปราย


นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่กับโรคโควิด-19 มีอาการเริ่มต้นคล้ายกัน กลุ่มเสี่ยงของทั้ง 2 โรคนี้ก็คล้ายกัน วิธีป้องกันโรคก็เหมือนกัน อาการรุนแรงก็คล้ายกันอีก ซึ่งจากมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้ไข้หวัดใหญ่มีโอกาสระบาดน้อยลงในปีนี้ โดยช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขพบผู้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่          แต่ตรวจไม่เจอเชื้อ กล่าวคือเจอ0% อย่างไรก็ดี ในช่วงฤดูฝนปีนี้ถ้ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นจะไปสร้างความสับสนในคลินิกโรคติดต่อทางเดินหายใจ แต่หากสามารถลดกลุ่มเสี่ยงลงก็ทำให้การจัดการโควิด-19 ง่ายขึ้น อีกทั้งไม่ไปแย่งชิงทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดของโรงพยาบาลอีกด้วย

“สถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ประเทศไทยพยายามผ่อนปรนมาตรการหลายอย่าง ทำให้ความเสี่ยงที่การระบาดรอบใหม่จะมีเพิ่มขึ้น แต่ถ้าประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม การระบาดก็จะอยู่ในระดับต่ำซึ่งในส่วนของโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ สปสช.ได้วัคซีนเร็ว ทำให้สามารถฉีดได้เร็วก่อนฤดูระบาด เป้าหมายปีนี้ต้องการให้กลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนมากที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ปริมาณวัคซีนที่ได้รับงบประมาณให้จัดซื้อในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนแต่ก็ยังไม่เต็มจำนวนกลุ่มเสี่ยง ถือว่ามีจำกัด ดังนั้นการให้บริการคือมาก่อนได้ก่อน ดังนั้นอยากให้กลุ่มเสี่ยงทุกคนรีบออกมารับวัคซีนให้เร็วที่สุด” นพ.ธนรักษ์ กล่าว


นพ.ธนรักษ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดนี้ การได้รับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแม้จะมีอาการโรคทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง ดังนั้น ปีนี้อยากสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์รีบไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกคนด้วย ขณะเดียวกันฝากถึงหน่วยบริการว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้วขอให้บันทึกข้อมูลเข้าระบบโดยเร็ว เพราะจะมีผลระยะยาวในการเป็นข้อมูลสำหรับต่อรองของบประมาณจัดซื้อวัคซีนเพิ่มในอนาคต

ด้าน ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ป้องกันได้ การติดต่อของโรคไม่ต่างจากโควิด-19 ส่วนรูปแบบการระบาดในเมืองไทย จะสามารถพบไข้หวัดใหญ่ได้ตลอดปี แต่จะมีช่วงพีคในฤดูฝน 

“ปีก่อนการระบาดในเมืองไทยมีไม่น้อย แต่ปีนี้มีการรณรงค์ป้องกันโควิด-19 ในเดือน ก.พ.-เม.ย.พบว่าเคสผู้ป่วย Influenza-like illness (ILI) ลดลงแบบมีนัยยะสำคัญและในคลินิกที่ทำการเก็บข้อมูลไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เลย เชื่อว่าปีนี้อุบัติการณ์ไข้หวัดใหญ่น่าจะน้อยลงกว่าปีก่อน แต่ก็ยังแนะนำให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีนก่อนช่วงฤดูฝนคือเดือน มิ.ย. โดยเฉพาะการให้วัคซีนในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมากเพราะถ้าป่วยแล้วลงปอดก็มีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้” ศ.นพ.ยง กล่าว

ศ.นพ.ยง ย้ำด้วยว่า ในส่วนของข้อมูลที่แชร์กันมาทางโซเชียลมีเดียว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโควิด-19ได้หรือไม่นั้น  ต้องเข้าใจว่าไวรัสทั้ง 2 ชนิดอยู่คนละกลุ่ม วัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงไม่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ ขณะเดียวกันการฉีดวัคซีนก็ไม่ได้ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอื่นมากเช่นกัน

ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ปีนี้ สปสช.จัดซื้อวัคซีน 4 ล้านโดส รวมเป็นเงินประมาณ 450 ล้านบาท สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง คือหญิงมีครรภ์, เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, ผู้พิการทางสมอง, ผู้ป่วยธาลัสซีเมียและผู้ติดเชื้อเอชไอวี และกลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม ส่วนการให้วัคซีนสามารถแบ่งเป็น 2พื้นที่ใหญ่ๆ คือ กทม. และต่างจังหวัด ในต่างจังหวัดมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งมีรายชื่อกลุ่มเสี่ยงที่สามารถเรียกไปฉีดวัคซีนได้อยู่แล้ว แต่ใน กทม.มีการเคลื่อนไหวของประชากรสูงมาก จึงมีระบบช่วยดำเนินการให้วัคซีน 2ระบบคือ 1.ประสานที่สายด่วน 1330 และ 2.ลงทะเบียนจองคิวนัดหมายผ่านแอปพลิเคชัน หรือแอดไลน์ “@UCBKK สปสช.สร้างสุข” โดยกลุ่มเสี่ยงสามารถรับวัคซีนได้ทุกสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นบัตรทอง ประกันสังคมหรือข้าราชการ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]