ยธ.12 พ.ค.-รมว.ยุติธรรม กลัวคดีพลิก ประสานอัยการใช้อำนาจพิเศษ สอบพยานล่วงหน้า ช่วยเหยื่อ 5 ครูขยี้กามนักเรียน หนุน “ทิชา”ลงพื้นที่มุกดาหารพรุ่งนี้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) รับหนังสือจากนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิ เด็ก เยาวชน และครอบครัวฯ ซึ่งเรียกร้องให้นำครอบครัวของนักเรียนนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 และมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้เสียหายที่ถูกครู 5 คนและรุ่นพี่ 2 คน ข่มขืนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดมุกดาหาร เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการประกันตัว ทำให้น่าเป็นห่วงว่าผู้เสียหายและครอบครัวน่าจะถูกข่มขู่คุกคาม เอาชีวิตและอาจเสียหายต่อรูปคดี เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุจำนวนมากและมีการกระทำกันเป็นขบวนการมายาวนานหลายปีและอาจมีอิทธิพลอำนาจแฝงเข้ามาเกี่ยวข้อง
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับหนังสือแล้ว มีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะ ต้องเร่งเข้าไปให้การเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำ โดยจะร่วมมือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชนเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว โดยในวันพรุ่งนี้ (13พ.ค.) ทีมงานจะลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเพื่อประสานเรื่องคดี เนื่องจากการสืบสวนในคดีทั่วไปมักจะใช้เวลานานประมาณ 3 เดือน และส่งให้อัยการพิจารณาอีกประมาณ 3 เดือน จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ศาล ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 237 ทวิ ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากจำเลยมีอิทธิพลต่อโจทย์ในการข่มขู่เป็นครูอาจารย์มีผลทำให้ผู้เสียหายกระทบ กระเทือนจิตใจหากปล่อยเวลานานไปเด็กอาจไม่อยากไปให้ปากคำ ดังนั้นจึงจะเร่งประสานให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังอัยการจังหวัดมุกดาหารเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว
โดยมีเหตุผลสำคัญที่ใช้ในการขอใช้กฎหมายพิเศษนี้ คือในช่วงเวลานี้ ผู้เสียหายยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นยำ รวมทั้งร่องรอยการกระทำผิดจะชี้ชัดให้เห็นถึงพฤติการณ์ทำให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงได้มากที่สุด หากทำได้เร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกซ้อน เช่น มีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความหรือทำให้คดีพลิก อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยมั่นใจว่า หากผู้กระทำผิด เห็นหลักฐานจากการไต่สวนพยานล่วงหน้าแล้ว อาจทำให้รับสารภาพได้ และคดีประเภทนี้ไม่อยากให้จบลงด้วยการเจรจายอมความ เพราะผู้เสียหายเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่ควรถูกกระทำในลักษณะนี้
ด้านนางทิชา กล่าวว่า จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารในวันพรุ่งนี้เพื่อพูดคุยกับเด็กและครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนตัวเห็นว่าเด็กที่ถูกละเมิดทางเพศมาเป็นเวลายาวนาน จะมีความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจและรู้สึกด้อยค่าและไม่ได้รับความเป็นธรรม หากปล่อยให้เข้าสู่กระบวน การยุติธรรมตามปกติยิ่งเป็นการซ้ำเติม เหมือนกับถูกละเมิดซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นหน่วยงานต้องเข้าไปช่วยเหลือให้เด็กรู้สึกได้รับความปลอดภัย มีความรู้สึกที่เข้มแข็งจนนำไปสู่การให้ข้อมูลหลักฐานที่หนักแน่นสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้และเข้าถึงความเป็นธรรมให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องการคุ้มครองพยานไม่อยากให้มีการคุ้มครองเฉพาะช่วงที่เป็นข่าวเท่านั้น แต่อยากให้ดูแลจนเด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม
“เด็กที่ถูกกระทำไม่ใช่เด็กเลว แต่เป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ อยากทำให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ถูกลงโทษตามกฏหมาย เช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับคดีค้ากามเด็กสาวที่บ้านน้ำเพียงดิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก 300 ปี”นางทิชา กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาของกระทรวงยุติธรรมในส่วนของการให้ความช่วยเหลือคุ้มครองพยานในคดีอาญา สำนักงานคุ้มครองพยานได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 ผู้เสียหายและญาติทั้ง2 ราย ไม่ประสงค์ยื่นคำขอรับการคุ้มครองพยาน เนื่องจากไม่มีผู้ใดข่มขู่แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามสำนักงานคุ้มครองพยาน ได้ประสาน สภ.ผึ่งแดด จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยตรวจตรา ดูแลความปลอดภัยทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือจ้างทนายจากกองทุนยุติธรรม กรณีนี้เหตุเกิดในสถานศึกษา จึงมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย จึงเห็นควรใช้กลไกด้านกองทุนยุติธรรมในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับสถานศึกษา โดยวันที่ 10 พ.ค.63 สำนักงานยุติธรรมจังหวัดมุกดาหารรับ คำขอความช่วยเหลือกองทุนยุติธรรมจากผู้เสียหายที่ 1 และ 2 พร้อมกันนี้ได้ประสานทนายความกองทุนยุติธรรมในการเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการทางคดีได้โดยทันที่เมื่อได้รับอนุมัติ . –สำนักข่าวไทย