กระทรวงเกษตรฯ เผยจีนเปิด 2 ด่านนำเข้าผลไม้ไทย

กรุงเทพฯ 29 เม.ย.- กระทรวงเกษตรฯ เจรจาทางการจีนเปิด 2 ด่านใหญ่  ด่านตงซิน-ด่านรถไฟผิงเสียง นำเข้าผลไม้ไทยและสินค้าเกษตร ดีเดย์ 30 เม.ย. 63


นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศจีน เพราะนอกจากปัญหาความแออัดจากการเปิดให้รถบรรทุกสินค้าจากเวียดนามเข้าสู่จีนได้ในจุดเดียวกับรถบรรทุกสินค้าของไทย คือ ด่านโหย่วอี้กวน ส่งผลให้สภาพการจราจรบริเวณด่าน โหย่วอี้กวนแออัดถึงขั้นวิกฤต มีรถติดสะสมยาวหลายกิโลเมตร อีกทั้งยังมีปัญหาการจัดคิวรถบริเวณหน้าด่าน โดยให้คิวรถของเวียดนามผ่านด่านไปได้ก่อน ส่วนรถของไทยต้องรอต่อท้ายแถว ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน ที่สุกก่อนถึงมือผู้บริโภค

สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ในช่วงที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปเยือนประเทศจีน มีการเจรจาและทำความตกลงกับกระทรวงศุลกากรของจีน หรือ  GACC เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยทางจีนอนุญาตให้นำเข้าผลไม้จากไทยเพิ่มจากเดิมอีก 2 ด่าน คือด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียง ซึ่งเริ่มได้ตั้งแต่ประมาณปลายเมษายนนี้


นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ด่านตงซิง ตั้งอยู่ที่เมืองตงซิง อำเภอฝังเฉิงกั่ง เขตกว่างซีจ้วงฯ อยู่ห่างจากด่านหม่งไก๋ จังหวัดกว๋างนิญ ของเวียดนามเพียง 100 เมตร  ได้รับอนุญาตให้เป็นด่านนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเป็นแห่งที่ 2 ของเขตกว่างซีจ้วงฯ ต่อจากด่านโหย่วอี้กวน สามารถรองรับรถบรรทุกสินค้าเข้าออกได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 คันต่อวัน จึงเป็นด่านที่มีศักยภาพในการนำเข้าผลไม้จากไทย ต่อไปไทยจะทยอยขนส่งสินค้าเกษตรผ่านด่านตงซิน แทนด่านโหย่วอี้กวน ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดปัญหาและอุปสรรคการขนส่งสินค้าผลไม้ไทยไปจีนได้มากทีเดียว

“ที่น่ายินดีกว่านั้น คือ การเปิดด่านรถไฟผิงเสียงที่จะเริ่มขนส่งตู้ผลไม้ตู้แรกจากไทยเข้าจีนในวันที่ 30 เมษายน นี้ ซึ่งกระทรวงศุลกากรจีน ได้ยืนยันการอนุญาตให้ไทยสามารถนำเข้าผลไม้ผ่านด่านรถไฟผิงเสียงอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ดังนั้น ในปัจจุบันสรุปได้ว่าประเทศไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนผ่านเส้นทางขนส่งทางบก ทั้งหมด 4 ด่าน โดย 3 ด่านในเขตกว่างสีฯ ได้แก่ 1) ด่านโหยวอี้กวน 2) ด่านตงซิง 3) ด่านรถไฟผิงเสียง และ 1 ด่านในมณฑลยูนนาน คือ ด่านโม่ฮาน” นายอลงกรณ์ กล่าว

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ด่านรถไฟผิงเสียงเป็นด่านสากลประเภทหนึ่งของจีน เป็นจุดปลายทางของรถไฟเขตกวางสีกับมณฑลหูหนาน ซึ่งเป็นด่านรถไฟชายแดนเพียงแห่งเดียวในเขตกวางสี และเป็นจุดสำคัญของเส้นทางการเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) เข้าออกทางรถไฟของภาคใต้ ที่สำคัญอีกประการ คือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา GACC ได้อนุมัติให้ด่านรถไฟผิงเสียงเป็นด่านนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศ โดยมีหน่วยงานด้านการตรวจสอบกักกันผลไม้นำเข้าและรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ควบคุมความเย็นระหว่างประเทศเวียดนามกับประเทศจีน ขณะนี้มีรถไฟวันละ 6 ขบวน ขบวนละประมาณ 15 – 20 ตู้ (ตู้ละ 40 ฟุต) รับขนส่งต่อจากทางบกเป็นทางรถไฟ ออกจากสถานีรถไฟด่งดัง (Dong Dang ประเทศเวียดนาม) ถึงสถานีรถไฟผิงเสียง ประเทศจีน คาดว่าสามารถแบ่งรับตู้ผลไม้ไทย วันละ 60 – 90 ตู้จากด่านโหย่วอี้กวนได้ หรือประมาณ 2,400 – 3,600 ตันต่อวัน อย่างไรก็ตาม หากมีผลไม้จำนวนมาก สามารถเพิ่มปริมาณรถไฟได้ถึงวันละ 8 ขบวน


สำหรับเส้นทางขนส่งเริ่มต้นจากจังหวัดมุกดาหาร (ไทย) ไปยังสะหวันนะเขตแดนสะหวัน (ลาว) – ลาวบาว – ห่าติ๋ญ – ทัญฮว้า – ฮานอย– หลั่งเซิน (ประเทศเวียดนาม) – สถานีรถไฟด่งดัง (ประเทศเวียดนาม) – ด่านรถไฟผิงเสียง (ประเทศจีน)

“การอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทยผ่านด่านดังกล่าว นับเป็นการพลิกโฉมรูปแบบการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน จากเดิมที่มีเพียงทางรถยนต์ ทางเรือ และทางอากาศเท่านั้น จึงเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ส่งออกไทย ซึ่งเรื่องนี้  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความพึ่งพอใจมาก และชื่นชมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ที่เร่งเจรจา และช่วยประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าผลไม้ไปจีนจนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม” นายอลงกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกผลไม้ไปจีน ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนปริมาณทั้งหมด 266,997 ตัน  โดยผลไม้ไทยที่มีปริมาณส่งออกไปจีนสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำไย ทุเรียน มะพร้าวอ่อน ขนุน และมังคุด ในส่วนของการส่งออกทางบกที่ 2 ด่าน คือ ด่านโม่ฮาน และด่านโหย่วอี้กวน เมื่อปี 2562 มีปริมาณการส่งออกรวมจำนวนทั้งสิ้น 723,785 ตัน  มูลค่ารวม 35,368 ล้านบาท สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรกรรม (รวมปศุสัตว์-ประมง) ปี 2562 มูลค่า 189,844.62 ล้านบาท คิดเป็น 28.12% ของการส่งออกตลาดจีน สินค้าหลัก ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง-ยางพารา-ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง-ข้าว-ไก่สด-กุ้ง-ปลา เฉพาะกลุ่มผักผลไม้สูงถึง 64,535.88 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]