กรุงเทพฯ 29 เม.ย. –“มนัญญา” รมช.เกษตรฯ เดือด โต้ผู้โพสต์เฟสบุ๊กเกี่ยวกับความพยายามกำหนดมาตรฐาน ISO โรงผลิตและบรรจุสารเคมีการเกษตรอันตราย ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ใดๆ จากใคร ให้ที่ปรึกษากฎหมายแจ้งผู้โพสต์รับผิดชอบต่อการกระทำ หวังให้ลบโพสต์ ด้านผู้โพสต์ยืนยันไม่ลบแน่นอน
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใช้นาม Chan Sakorn (จัน สาคร) นำข่าวที่ให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อยืนยันนโยบายการแบนสารเคมีการเกษตรอันตราย รวมถึงสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรนำเสนอการกำหนดมาตรฐาน ISO โรงผลิตและบรรจุต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งจะประชุมวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) โดยระบุข้อความว่า “ท่านช่างหลักแหลมจริงๆ ให้นำเข้าไกลโฟเซตได้เฉพาะโรงงานที่ได้ ISO (ที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่) เท่านั้น #SAVEเกษตรกรไทย” ซึ่งต่อมามีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายทั้งให้กำลังใจและตำหนิ จึงได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ว่า “คุณอย่ามาขึ้นหัวข้อทำให้ดิชั้นเสียหายนะ ดิชั้นไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใครค่ะ” รวมทั้งเมื่อมีผู้มาแสดงความเห็นว่า “ถูกต้องแล้ว…ในที่สุดหางก็ออก” รมช. มนัญญาจึงตอบโต้ว่า “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะท่าน”
ต่อ นางสาวมนัญญา ได้มอบหมายให้คณะทำงานติดต่อไปยังผู้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ต้องรับผิดชอบต่อข้อความที่นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ด้วย ทั้งนี้ หวังว่าผู้โพสต์จะลบข้อความออกไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการลบข้อความดังกล่าว ซึ่งจะให้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ นางสาวมนัญญา ยืนยันว่าได้ทำความเข้าใจกับผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งจะเข้าร่วมประชุมวันพรุ่งนี้ ย้ำว่ากระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายชัดเจนค้านการเลื่อนยกเลิกสารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสแน่นอน หลังจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกมาระบุว่า มีบุคคลและกลุ่มบุคคลทำหนังสือเสนอให้เลื่อนจากวันที่ 1 มิถุนายนนี้ไปเป็นสิ้นปี 2563 อีกทั้งกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรยังไม่ได้ส่งมาตรการหาสารหรือวิธีการทดแทนการใช้สารเคมีที่จะแบนและมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรระบุว่า ส่งรายละเอียดไปแล้ว ดังนั้น หวังว่าการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันพรุ่งนี้ กรรมการแต่ละคนจะใช้ดุลพินิจ โดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนและเกษตรกร รวมถึงความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย