นายกฯ ส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตบุคลากรทางการแพทย์ – อสม.

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- นายกฯ ส่งมอบกรมธรรม์ ประกันชีวิตบุคลากรทางการแพทย์ 60 ล้าน พร้อมเงินสนับสนุน อสม. 10 ล้าน จากบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  ย้ำการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะฟังแนวทางสาธารณสุขเป็นหลัก ยึดสุขภาพความปลอดภัยของประชาชน ควบคู่กับปัญหาปากท้อง 


เมื่อเวลา 09.30 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พร้อมมอบกองทุนสนับสนุนและเยียวยาให้กับ อสม. โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย 

การส่งมอบครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชน คือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ ได้มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับแพทย์และพยาบาล จำนวน 50,000,000 บาท ,กรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับผู้ช่วยพยาบาล เทคนิคการแพทย์และรังสีเทคนิค จำนวน 10,000,000 บาท ,กองทุนสนับสนุนและเยียวยาให้แก่อสม. จำนวนเงิน 10,000,000 บาท  เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และตอบแทนการกระทำความดีของบุคลากรสาธารณสุขทั้งระบบ จำนวน 400,000 คน และ อสม. จำนวน 1,040,000 คน ที่เป็นกำลังหลักของประเทศ ในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งและเสียสละ


ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศของเรามีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง บุคลากรของเราทุกระดับมีความรู้ ความสามารถเป็นที่ยอมรับ และมีความร่วมมือร่วมใจในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี รวมถึงภาคเอกชนที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากร ที่ทำหน้าที่สู้ภัยโควิด-19 ให้กับประเทศชาติของเรา ต้องขอบคุณทีมพลังนักรบเสื้อขาว ทีม อสม. ที่ถือเป็นด่านหน้าสำคัญที่ยับยั้งการแพร่ระบาดสู้ภัยโควิด-19 มาด้วยกัน  ด้วยความเสียสละอุทิศตน เสียสละในการป้องกันเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุข จึงขอเป็นกำลังใจให้กับหน่วยงานด้านการสาธารณสุขทุกแห่ง รวมทั้ง อสม.ในหมู่บ้านทั่วประเทศ ตลอดจนขอขอบคุณผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน ที่เป็นพลังประชารัฐ 

“ขอย้ำว่าไม่ได้พูดถึงพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของการนำพาประเทศไปสู่ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาชน และประชาสังคม ทุกภาคส่วนเดินหน้าเพื่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญ คือการแก้ปัญหาโควิด-19 ทุกคนมีกระบวนการร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย วันนี้เราทราบดีว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มการระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ประมาท เพราะฉะนั้นการที่จะผ่อนคลายสิ่งต่าง ๆ จะต้องมีมาตรการเฉพาะออกมา และวันเดียวกันนี้จะมีการประชุม ซึ่งผมจะรับฟังแนวทางการปฏิบัติจากสาธารณสุข ฝ่ายแพทย์ของเราเป็นหลัก เพื่อจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่เป็นห่วงประชาชน คือเรื่องของอาชีพและรายได้ การประกอบการทางธุรกิจ แม้กระทั่งในเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมต่าง ๆ แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าอะไรที่เราทำได้หรือทำไม่ได้ในระยะเวลาต่อไปนี้ เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือและต้องทำความเข้าใจกันด้วย รัฐบาลทำทุกอย่างทุกมาตรการในการที่จะแก้ไขปัญหานี้  ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี หรือ คณะรัฐมนตรี ซึ่งมีผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นผู้กำหนดนโยบายต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ เราก็รับฟังข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ เพื่อนำมาสังเคราะห์ให้ได้คำตอบออกมา ซึ่งช่วงนี้ตนก็ทำงานอย่างเต็มที่โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ รวมทั้งได้มอบนโยบายไปแล้วเพื่อให้ศูนย์โควิด-19 ได้ดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปว่าจะต้องทำอย่างไรกันต่อไปหลังจากนี้ 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  โรคโควิด-19 นั้นทุกคนคงทราบดี ไม่ใช่ว่าการระบาดของประเทศไทยลดลง การติดเชื้อลดลง แล้วจะหมายความว่าปลอดภัย มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความจริงเชื้อโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ เชื้อโรคจึงสามารถเข้า-ออกเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งสำคัญจึงต้องทำให้บ้านเมืองของเรานั้นปลอดภัย ทำอย่างไรจึงไม่ให้มีการเจ็บป่วยโดยเป็นการรับเชื้อมาจากต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกติกาและมาตรการของรัฐ ทั้งเรื่อง Social Distancing หรือการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือไปชุมนุมกันในพื้นที่นอกการควบคุม เช่น บางคนหนีไปทำความผิดในป่าในเขา เรื่องนี้ยอมรับว่ายังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลคำนึงถึงสองอย่างเสมอ คือเรื่องของสุขภาพคนเป็นหลัก รองลงมาคือเรื่องของเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต้องหามาตรการมารองรับตรงนี้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วันนี้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และแพทย์สมาคม มีส่วนช่วยสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือพลังประชารัฐร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 ได้มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข เพื่อให้เกิดความสบายใจและเกิดความอุ่นใจ แต่ก็ไม่ต้องการให้ใช้เงินตรงนี้ เพราะนั่นหมายถึงต้องมีคนเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ที่ผ่านมาก็มีจำนวนหนึ่งซึ่งรัฐบาลต้องดูแลเช่นกัน ต้องดูว่าจะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่เสี่ยงชีวิตจากโควิด-19 ต้องหาเม็ดเงินมาดูแลตรงนี้ เราก็มีเงินบริจาคจำนวนหนึ่ง จะต้องมาดูอีกครั้งว่าจะเพิ่มเติม ตรงไหน อย่างไร จากกติกา งบประมาณ ของทางราชการที่เราดูแลอยู่ วันนี้ต้องขอขอบคุณทางบีทีเอสฯ อีกครั้งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในสังคมของไทยมาโดยตลอด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย