กรุงเทพฯ 22 เม.ย. – ทอท.คาดเที่ยวบินและผู้โดยสารสิ้นปีงบฯ 63 ลดลงกว่า 50% จากผลกระทบการระบาดของ COVID-19 ตะลึงธุรกิจการบินจะกลับมาเติบโตเหมือนปี 62 เดือนตุลาคมปี 64
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด ทอท.วันนี้ ( 22 เม.ย.) ฝ่ายบริหารได้รายงานประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-ก.ย.63) จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVD-19 คาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 493,800 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารประมาณ 6.58 ล้านคน มีการเติบโตลดลง 44.9 และ 53.1% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากดูจากระยะเวลาการฟื้นตัวของธุรกิจการบินจำเป็นต้องมีการพึ่งพาการฟื้นตัวของประเทศปลายทาง สำหรับไทยมีประเทศปลายทางสำคัญ คือ กลุ่มประเทศจากทวีปเอเชีย-แปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% และคาดว่าการฟื้นตัวของเที่ยวบินภายในประเทศจะเกิดขึ้นก่อนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมการแพร่ระบาดฯ แต่ละประเทศ การค้นพบยาหรือวัคซีนสำหรับรักษาหรือป้องกัน COVID-19 ได้สำเร็จ เป็นตัน และหากสามารถควบคุมการระบาดทั่วโลกเศรษฐกิจไทยและประเทศหลัก ๆ เริ่มฟื้นตัวปริมาณการจราจรจะกลับมามีปริมาณปกติที่ระดับเดิมของปี 2562 ในเดือนตุลาคม 2564
นอกจากนี้ บอร์ด ทอท.ได้มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทจำกัด เพื่อบริหารโครงการเกี่ยวกับสินค้าเน่าเสียง่าย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (PPL) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก(Certify Hub) โดย ทอท.จะถือหุ้น 9% และเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านดังกล่าวถือหุ้น 51% เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรของไทยให้คงคุณภาพและมีมาตรฐานตามหลักสากล โดยช่องทาง PPL จะมีพื้นที่สำหรับจัดเตรียมสินค้าแยกออกจากอาคารขนถ่ายสินค้า พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจและเตรียมสินค้าเกษตรเปรียบเสมือนการให้บริการชั้นธุรกิจ (Business Class) สำหรับสินค้า โดยสินค้าช่องทาง PPL จะได้รับการดูแลและจัดเตรียมสินค้าโดยผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะ เพื่อนำส่งให้อาคารขนถ่ายสินค้าดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้เดือนมิถุนายน 2563 และเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายน 2563.-สำนักข่าวไทย