ครม.อนุมัติ 12 มาตรการแก้ปัญหาคุกคามทางเพศในการทำงาน

ทำเนียบฯ 21 เม.ย.-ครม.อนุมัติ 12 มาตรการป้องและแก้ปัญหาล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ขณะที่นายกฯ ย้ำ จัดการคนทำผิดให้เข็ดหลาบ


น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิด หรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานและเกิดประโยชน์ต่อการคุ้มครองผู้ถูกกระทำและพยาน เช่น ให้ทุกองค์กรร่วมประกาศเจตนารมณ์กำหนดทิศทางการป้องกันการแก้ไขปัญหาและกำหนดกลไกร้องทุกข์ของหน่วยงาน พร้อมกันนี้ ครม.เห็นชอบให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน (ศปคพ.) เพื่อทำหน้าที่ประสานหน่วยงานต่าง ๆ และติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ ด้วย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า โดยร่างมาตรการฯ ดังกล่าว เป็นการปรับปรุงหลักการของมาตรการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้แล้ว (16 มกราคม 2558) จาก 7 ข้อ เป็น 12 ข้อ เนื่องจากมาตรการเดิมยังไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เท่าที่ควร ซึ่งมาตรการที่ปรับใหม่นี้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยกำหนดว่า หน่วยงานต้องมีการประกาศเจตนารมณ์เป็นลายลักษณ์อักษร โดยประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรในองค์กรรับทราบอย่างทั่วถึง หน่วยงานต้องมีการจัดทำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดฯ โดยให้บุคลากรในหน่วยงานได้มีส่วนร่วม หน่วยงานต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ และกำหนดให้เป็นประเด็นหนึ่งในหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ หน่วยงานต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดฯ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในองค์กร หน่วยงานต้องกำหนดกลไกในการร้องทุกข์ภายในหน่วยงาน เช่น ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ ฝ่ายกฎหมาย หรือกลุ่มคุ้มครองคุณธรรมฯ การแก้ไขปัญหาอาจใช้กระบวนการไม่เป็นทางการเพื่อยุติปัญหา หากแก้ปัญหาไม่ได้จึงเข้าสู่กระบวนการทางวินัยตามกฎหมาย


รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการโดยทันที เป็นไปตามเวลาที่กำหนด และต้องเป็นความลับ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย กรณีมีการร้องเรียนให้แต่งตั้งคณะทำงาน จำนวนไม่เกิน 5 คน หรือให้กลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมดำเนินการสอบข้อเท็จจริง หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนและผู้เป็นพยาน และต้องให้การคุ้มครองผู้ร้องเรียนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหา โดยในระหว่างร้องเรียนยังไม่ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด และต้องให้โอกาสชี้แจง หน่วยงานต้องรายงานผลการดำเนินงานไปยัง ศปคพ. ภายในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ศปคพ.เป็นศูนย์กลางประสานงานต่างๆ ในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดฯ และรายงานผลต่อคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ

“ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้เผยแพร่มาตรการดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเคร่งครัด มีมาตรฐาน จัดการกับผู้กระทำผิดให้เข็ดหลาบ รวมถึงเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เท้ง” นำทีม ปชน.ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ

รัฐสภา 7 ก.ค.- “เท้ง” นำทีม สส.ปชน. ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ มุ่งสร้างศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ยึดโยงประชาชน หวังรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ปลดชนวนระเบิดเวลาการเมืองไทย ด้าน “พริษฐ์” เผยยังไม่คุย “ภูมิใจไทย” ชี้ให้เวลาพิสูจน์จุดยืน บอกให้ดูการกระทำ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า หลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เช่น การยุบพรรคตัดสิทธินักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน คำถามต่อการตรวจสอบคดีการโกงการเลือก สว. หรือการขาดความรับผิดรับชอบจากกรณีตึก สตง. ถล่ม ล้วนมีต้นตอมาจากการออกแบบศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ถูกขยายขอบเขตอำนาจในการตรวจสอบสถาบันทางการเมืองอื่น แต่กลับมีที่มาที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน รวมถึงขาดกลไกที่จะถูกประชาชนตรวจสอบได้โดยตรง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะต้องมีการหารือร่วมกันทุกฝ่ายใน ส.ส.ร. แต่พรรคประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเดินหน้าแก้ไขได้บาง มาตรา โดยเป็นการแก้ไขแบบคู่ขนานกันไป ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรายื่นในวันนี้ มุ่งสู่การสร้างศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ไม่เป็นอิสระจากประชาชนโดยแบ่งออกเป็น 3 ร่าง ร่างที่ 1 เป็นการ […]

สั่งระงับงานก่อสร้างในพื้นที่สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

กทม. 7 ก.ค. – เขตมีนบุรี สั่งระงับงานก่อสร้างภายในพื้นที่สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี ซอยนิมิตใหม่ 6 จนกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบโครงสร้าง-สาเหตุเหล็กล้มลงแล้วเสร็จ ด้าน กปน. ออกแถลงการณ์ ยืนยันไม่กระทบโครงสร้างอาคาร พร้อมเยียวยาผู้บาดเจ็บ ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยนาทีโครงเหล็กภายในไซต์งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) ค่อยๆ เอนแล้วก็ล้มลงมา ทำให้คนงานที่นั่งทำงานอยู่บนนั้นได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (6 ก.ค.) ภายในสถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี ซอยนิมิตใหม่ 6 เขตมีนบุรี ขณะเกิดเหตุมีคนงานปฏิบัติงานอยู่ 160 คน ออกมาภายนอกได้ทั้งหมด โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน ล่าสุดวันนี้ นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิภาพและคุ้มครองแรงงาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน ให้อยู่ด้านนอกรั้วเท่านั้น ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการก่อสร้างบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการจ่ายน้ำของสถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี กปน. โดยมีขนาดกว้าง […]

ชาวกัมพูชาแห่ขึ้นปราสาทตาควาย มากผิดปกติ

7 ก.ค. – ชาวกัมพูชา แห่ขึ้นปราสาทตาควาย ร่ายคาถาภาษาเขมร ทำพีธีเซ่นไหว้ ด้านคนไทยหวังดี เตือนคุณตาวัย 76 พิการขา เดินดีๆ แต่เจอตอบสวน “ถึงจะล้ม ก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” บรรยากาศที่ปราสาทตาควาย มีนักท่องเที่ยวกัมพูชา มาท่องเที่ยวมากผิดปกติกว่า 200 คน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน โดยชาวกัมพูชา นำเครื่องเซ่นไหว้ เข้าไปในตัวปราสาทควาย บริเวณจุดทำพิธี ทำพิธีอะไรเป็นภาษาเขมร ระหว่างนั้นมีชายชาวกัมพูชา ขาด้วนหนึ่งข้างอายุ 76 ปี มาจากจังหวัดเสียมเรียบ ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเอง เพื่อที่จะขึ้นบันไดปราสาท ด้วยความหวังดีคนไทยกลัวว่าชายขาด้วนจะลื่นล้ม เพราะตะไคร้น้ำขึ้นตามบันไดหนาแน่น เลยเตือนว่า “ระวังลื่นล้มน่ะตาเดินดีๆ” ยังไม่ทันพูดจบ แทนที่ชายขาด้วนจะขอบคุณ ตอบกลับมาว่า “ถึงจะล้มก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา” นอกจากนี้ เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนักท่องเที่ยวกัมพูชากับนักท่องเที่ยวไทย รวมไปถึงทหารฝั่งกัมพูชาและทหารฝั่งไทย หลังจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาเอาผ้าพันคอที่มีสัญลักษณ์ธงชาติกัมพูชาเข้ามาแสดงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ไทยห้ามปรามจนเกิดปากเสียงกัน แต่ไม่ได้บานปลายเพียงก่อกวน.-สำนักข่าวไทย

“พิชัย” เผยไทยยื่นข้อเสนอเจรจาภาษีเพิ่มเติมถึงสหรัฐเมื่อคืน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“พิชัย” เผยไทยยื่นข้อเสนอเจรจาภาษีเพิ่มเติมถึงสหรัฐเมื่อคืน ลุ้นขยายเส้นตายออกไปจนถึง 1 ส.ค. ชี้การเจรจายังไม่จบ และข้อเสนอที่ส่งไปยังปรับปรุงได้ตลอด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐว่าในส่วนของประเทศไทยได้มีการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้ทางสหรัฐพิจารณาไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยข้อเสนอที่ยื่นไปอยู่บนหลักเกณฑ์เดิมที่เราเคยยื่นไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามการที่เราเดินทางไปเจรจาก่อนหน้านี้ ข้อเสนอที่มีอยู่ไม่ถึงขนาดที่ต้องแก้ไขอะไรใหม่ เพียงแต่ว่าเราไปฟังความเห็นของสหรัฐเองว่ามีรายการไหนที่เขาสนใจเป็นพิเศษ เราก็นำกลับมาดูอีกครั้งและปรับปรุงเท่าที่เราทำได้แล้วส่งไปให้พิจารณาใหม่ โดยเป็นการยื่นในเรื่องอัตราภาษีและสินค้า ซึ่งก็ยังมีเรื่องอื่นๆที่เขานั่งดูอยู่ที่ไม่เกี่ยวกับอัตราภาษี สหรัฐก็กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วเมื่อเขาประกาศออกมาเท่าไหร่ก็ยังไม่จบสามารถที่จะปรับปรุงไปได้เรื่อยๆ เมื่อถามว่าอัตราภาษีที่ไทยจะถูกเก็บจากสหรัฐยังคาดหวังที่ต่ำกว่า 18% ใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่าขณะนี้ประเทศที่ได้เจรจาแล้วยังมีจำนวนน้อย ตอนนี้ก็ต้องดูว่าจากข่าวที่ออกมาว่าอาจมีการเลื่อนออกไปจนถึง 1 ส.ค. ถึงจะกำหนดอีกครั้งหนึ่งว่าประเทศที่เหลือที่เจรจาแล้ว จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เมื่อถามว่าเราจะยอมเหมือนเวียดนามให้เขานำเข้าแบบเสียภาษีศูนย์เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ นายพิชัย ตอบว่าอย่างที่บอกไปแล้วว่าเราต้องใช้หลักในการเปิดใจคุยกันด้วยความปรารถนาที่ดี เขามีอะไรที่อยากได้ แล้วเราก็เอารายการที่เคยซื้อสินค้าจากสหรัฐทั้งหมดมาดูอีกครั้ง ดังนั้นถามว่าเป็นอย่างไรในเรื่องการนำเข้าสินค้าเพิ่ม เราก็ต้องดูแลผู้ผลิตสินค้าในไทยด้วย ส่วนเรื่องของสินค้าสวมสิทธิ์เป็นเรื่องในหลักการอยู่ในข้ออื่นๆ ที่เขาก็ดูอยู่ ซึ่งประเทศไทยเราเองก็ทำงานในเรื่องนี้ บางเรื่องเราก็ให้สหรัฐมาทำงานร่วมกัน เข้ามาดูด้วยกันซึ่งกติกาแบบนี้ต้องทำต่อเนื่องตอนนี้ยังไม่จบ ถามต่อว่าประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มที่สหรัฐส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีที่จะต้องเสียเพิ่ม หรืออยู่ในกลุ่มที่ได้คุยต่อ นายพิชัย กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องรอดูก่อนว่าเขาว่าอย่างไร ซึ่งอีก 2 -3 วันก็จะได้ความชัดเจน.-314.-สำนักข่าวไทย