สภาฯ เห็นชอบแก้กฎหมายอาญา เพิ่มนิยาม “คุกคามทางเพศ”

รัฐสภา 30 ก.ค.-สายหื่นเจอคุกแน่! สภาฯ เอกฉันท์ เห็นชอบแก้กฎหมายอาญา เพิ่มนิยาม “คุกคามทางเพศ” ครอบจักรวาล เอาผิดครอบคลุมทั้งการคุกคามทางวาจา การแสดงท่าทาง การเฝ้าติดตาม ทำให้อับอาย รวมทั้งคุกคามผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดนคุกตั้งแต่ 1-5 ปี พวกเจ้านายหัวงูฉวยโอกาสเคลมลูกน้องก็อยู่ในข่ายความผิด ติดคุก 3 ปี

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนี่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่..) พ.ศ… ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว มีนายศุภชัย ใจสมุทร จากพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานกมธ. ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระ 2 และวาระที่3


โดยนายศุภชัย ชี้แจงว่า กมธ.ฯ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ฯ ในหลายประเด็น เพื่อให้ร่างกฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดย 1.มีการ แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “กระทำการ” และเพิ่มบทนิยามคำว่า “คุกคามทางเพศ” 2.ยกเลิกเหตุฉกรรจ์ของความผิดฐานอนาจาร 3. กำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ 4.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการเพื่อความปลอดภัยเพื่อกำหนดให้คำสั่งงดเว้นการกระทำ เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอีกวิธีการหนึ่ง 5. แก้ไขเพิ่มเติมความผิดลหุโทษ เพื่อเพิ่มอัตราโทษกรณีความผิดกรณีความผิด ที่กระทำต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อน
รำคาญ หรือการกระทำนั้นได้กระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า เนื่องจากนิยามคำว่า “กระทำชำเรา” เดิมนั้น กำหนดวัตถุแห่งการกระทำต้องเป็นกรณีผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นเท่านั้น แต่บทบัญญัติที่แก้ไขใหม่นี้ นอกจากกรณีผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นแล้ว ยังหมายความครอบคลุมถึงกรณีการใช้อวัยวะอื่นของผู้กระทำความผิดหรือใช้วัตถุล่วงล้ำอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผู้อื่น ส่วนคำว่า “อวัยวะเพศ” ให้หมายความรวมถึง “อวัยวะเพศที่เกิดจากการผ่าตัด”


สำหรับกรณีผู้กระทำความผิดให้ผู้อื่นกระทำกับตนนั้น ไม่รวมถึงการใช้อวัยวะอื่นหรือวัตถุล่วงล้ำอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของตนด้วย เพราะมิฉะนั้นการกระทำของแพทย์ในการตรวจร่างกายจะเป็นความผิด กำหนดให้การคุกคามทางเพศเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอาญาและต้องรับโทษ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมปัจจุบันที่การกระทำความผิดทางเพศมีความหลากหลายมากขึ้น โดยการกระทำที่แม้ไม่ใช่เป็นการกระทำชำเราหรืออนาจาร แต่ส่งผลรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำเช่นเดียวกัน และเพื่อให้มีความชัดเจนว่าลักษณะใดเป็นการคุกคามทางเพศจึงได้กำหนดนิยามลักษณะการกระทำอันถือว่าเป็นความผิดฐานคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังกำหนดให้รวมถึงการกระทำคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ด้วย กำหนดกลุ่มบุคคลที่ถูกกระทำและลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยมีเหตุผลดังนี้ หากเป็นการกระทำกันเองระหว่างคู่สมรสที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าบุคคลอื่นอันก่อให้เกิดความอับอาย ถูกเหยียดหยาม หรือไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของสถาบัน ครอบครัว

เนื่องจากพิจารณาว่า หากเป็นกรณีการคุกคามทางเพศที่ไม่ร้ายแรงโดยคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ ก็ให้สามารถยอมความกันได้เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระทางปริมาณคดีแก่ศาล ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.หากเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้ และ2.ถ้าการคุกคามทางเพศไม่ใช่เป็นการกระทำต่อบุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือในความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเอง อันเนื่องมาจากเป็นผู้ทุพพลภาพ ผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน คนป่วยเจ็บ คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือผู้ซึ่งอยู่ในภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบก็ให้สามารถยอมความได้เช่นกัน

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า มีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ และกำหนดโทษ รวมถึงเหตุฉกรรจ์ เพื่อให้การคุกคามทางเพศเป็นความผิดทางอาญาและมีโทษ และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก อีกทั้งเพื่อป้องปรามมิให้ผู้กระทำฉวยโอกาสกระทำความผิดต่อเด็ก ซึ่งไม่สามารถต่อสู้ หรือช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายจากการกระทำได้ กำหนดเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษเพิ่มขึ้น เพื่อป้องปรามมิให้ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือบุคคลอื่นฉวยโอกาสกระทำการคุกคามทางเพศต่อผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา ลูกจ้าง หรือผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจประการอื่น เช่น ผู้ที่ต้องอาศัยพึ่งพา ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น


ให้อำนาจศาลในการกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในกรณีความผิดฐานคุกคามทางเพศ โดยมีเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี และกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ให้ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลจะมีอำนาจพิจารณาออกคำสั่งให้ผู้กระทำ ตลอดจนผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Line Tiktok เป็นต้น หยุดการเผยแพร่หรือนำภาพหรือวิดีโอลามกของผู้เสียหายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลก่อน รวมทั้งกำหนดโทษสำหรับผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ที่ฝ่าฝืนไม่ทำตามคำสั่งของศาล เพื่อเป็นการหยุดยั้งความเสียหายให้แก่ผู้ถูกกระทำการคุกคามทางเพศอย่างทันท่วงที มีการเพิ่มอัตราโทษการกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ กำหนดให้การกระทำดังกล่าวในที่สาธารณะสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลเป็นเหตุฉกรรจ์ ที่ต้องรับโทษเพิ่มขึ้น

หลังสมาชิกอภิปรายเรียงมตราจนจบวาระที่2 จากนั้นเป็นการลงมติในวาระ3 เห็นชอบด้วยคะแนน 366 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี งดออกเสียง 1 เสียงไม่ลงคะแนน4 เสียง จึงถือว่าที่ประชุมเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย