สภาฯ เห็นชอบแก้กฎหมายอาญา เพิ่มนิยาม “คุกคามทางเพศ”

รัฐสภา 30 ก.ค.-สายหื่นเจอคุกแน่! สภาฯ เอกฉันท์ เห็นชอบแก้กฎหมายอาญา เพิ่มนิยาม “คุกคามทางเพศ” ครอบจักรวาล เอาผิดครอบคลุมทั้งการคุกคามทางวาจา การแสดงท่าทาง การเฝ้าติดตาม ทำให้อับอาย รวมทั้งคุกคามผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดนคุกตั้งแต่ 1-5 ปี พวกเจ้านายหัวงูฉวยโอกาสเคลมลูกน้องก็อยู่ในข่ายความผิด ติดคุก 3 ปี

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนี่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่..) พ.ศ… ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว มีนายศุภชัย ใจสมุทร จากพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานกมธ. ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระ 2 และวาระที่3


โดยนายศุภชัย ชี้แจงว่า กมธ.ฯ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ฯ ในหลายประเด็น เพื่อให้ร่างกฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดย 1.มีการ แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “กระทำการ” และเพิ่มบทนิยามคำว่า “คุกคามทางเพศ” 2.ยกเลิกเหตุฉกรรจ์ของความผิดฐานอนาจาร 3. กำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ 4.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการเพื่อความปลอดภัยเพื่อกำหนดให้คำสั่งงดเว้นการกระทำ เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอีกวิธีการหนึ่ง 5. แก้ไขเพิ่มเติมความผิดลหุโทษ เพื่อเพิ่มอัตราโทษกรณีความผิดกรณีความผิด ที่กระทำต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อน
รำคาญ หรือการกระทำนั้นได้กระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า เนื่องจากนิยามคำว่า “กระทำชำเรา” เดิมนั้น กำหนดวัตถุแห่งการกระทำต้องเป็นกรณีผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นเท่านั้น แต่บทบัญญัติที่แก้ไขใหม่นี้ นอกจากกรณีผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นแล้ว ยังหมายความครอบคลุมถึงกรณีการใช้อวัยวะอื่นของผู้กระทำความผิดหรือใช้วัตถุล่วงล้ำอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผู้อื่น ส่วนคำว่า “อวัยวะเพศ” ให้หมายความรวมถึง “อวัยวะเพศที่เกิดจากการผ่าตัด”


สำหรับกรณีผู้กระทำความผิดให้ผู้อื่นกระทำกับตนนั้น ไม่รวมถึงการใช้อวัยวะอื่นหรือวัตถุล่วงล้ำอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของตนด้วย เพราะมิฉะนั้นการกระทำของแพทย์ในการตรวจร่างกายจะเป็นความผิด กำหนดให้การคุกคามทางเพศเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอาญาและต้องรับโทษ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมปัจจุบันที่การกระทำความผิดทางเพศมีความหลากหลายมากขึ้น โดยการกระทำที่แม้ไม่ใช่เป็นการกระทำชำเราหรืออนาจาร แต่ส่งผลรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำเช่นเดียวกัน และเพื่อให้มีความชัดเจนว่าลักษณะใดเป็นการคุกคามทางเพศจึงได้กำหนดนิยามลักษณะการกระทำอันถือว่าเป็นความผิดฐานคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังกำหนดให้รวมถึงการกระทำคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ด้วย กำหนดกลุ่มบุคคลที่ถูกกระทำและลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยมีเหตุผลดังนี้ หากเป็นการกระทำกันเองระหว่างคู่สมรสที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าบุคคลอื่นอันก่อให้เกิดความอับอาย ถูกเหยียดหยาม หรือไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของสถาบัน ครอบครัว

เนื่องจากพิจารณาว่า หากเป็นกรณีการคุกคามทางเพศที่ไม่ร้ายแรงโดยคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ ก็ให้สามารถยอมความกันได้เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระทางปริมาณคดีแก่ศาล ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.หากเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ก็ให้สามารถยอมความได้ และ2.ถ้าการคุกคามทางเพศไม่ใช่เป็นการกระทำต่อบุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือในความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเอง อันเนื่องมาจากเป็นผู้ทุพพลภาพ ผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน คนป่วยเจ็บ คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือผู้ซึ่งอยู่ในภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบก็ให้สามารถยอมความได้เช่นกัน

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า มีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศ และกำหนดโทษ รวมถึงเหตุฉกรรจ์ เพื่อให้การคุกคามทางเพศเป็นความผิดทางอาญาและมีโทษ และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก อีกทั้งเพื่อป้องปรามมิให้ผู้กระทำฉวยโอกาสกระทำความผิดต่อเด็ก ซึ่งไม่สามารถต่อสู้ หรือช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายจากการกระทำได้ กำหนดเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษเพิ่มขึ้น เพื่อป้องปรามมิให้ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือบุคคลอื่นฉวยโอกาสกระทำการคุกคามทางเพศต่อผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา ลูกจ้าง หรือผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจประการอื่น เช่น ผู้ที่ต้องอาศัยพึ่งพา ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น


ให้อำนาจศาลในการกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในกรณีความผิดฐานคุกคามทางเพศ โดยมีเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี และกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ให้ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลจะมีอำนาจพิจารณาออกคำสั่งให้ผู้กระทำ ตลอดจนผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Line Tiktok เป็นต้น หยุดการเผยแพร่หรือนำภาพหรือวิดีโอลามกของผู้เสียหายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลก่อน รวมทั้งกำหนดโทษสำหรับผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ที่ฝ่าฝืนไม่ทำตามคำสั่งของศาล เพื่อเป็นการหยุดยั้งความเสียหายให้แก่ผู้ถูกกระทำการคุกคามทางเพศอย่างทันท่วงที มีการเพิ่มอัตราโทษการกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ กำหนดให้การกระทำดังกล่าวในที่สาธารณะสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลเป็นเหตุฉกรรจ์ ที่ต้องรับโทษเพิ่มขึ้น

หลังสมาชิกอภิปรายเรียงมตราจนจบวาระที่2 จากนั้นเป็นการลงมติในวาระ3 เห็นชอบด้วยคะแนน 366 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี งดออกเสียง 1 เสียงไม่ลงคะแนน4 เสียง จึงถือว่าที่ประชุมเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย