อย.17 เม.ย.-อย.สั่งระงับใช้ยา Ranitidine ยารักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต้น ในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทานทุกทะเบียนตำรับยาและยาฉีดทั้งหมด ยกเว้นบางทะเบียน เนื่องจากพบสาร NDMA ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเกินเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่ไม่ต้องวิตกว่าการได้รับยา Ranitidine จะก่อให้เกิดมะเร็ง เพราะเวลาในการใช้ยาเพื่อรักษาเป็นเพียงระยะสั้น
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (รองเลขาธิการ อย.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร N-Nitrosodimethylamine (NDMA) ในยา Ranitidine ซึ่งเป็นยารักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้เล็กส่วนต้น โดยมีการเก็บตัวอย่างเภสัชเคมีภัณฑ์และยาสำเร็จรูป ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 รวมถึงรวบรวมรายงานผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการของภาคเอกชน พบมีเพียงแหล่งเภสัชเคมีภัณฑ์ Union Quimico Farmaceutica, S.A.S ราชอาณาจักรสเปน เพียงแหล่งเดียวที่มีการปนเปื้อนของสาร NDMA ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน และเมื่อนำไปผลิตเป็นยาสำเร็จรูปแล้วยังมีค่าการปนเปื้อนไม่เกินค่ามาตรฐานอีกด้วย แต่ด้วยปริมาณของ NDMA จะเพิ่มสูงขึ้นตามระยะเวลาของการเก็บรักษายา
อย.ห่วงใยผู้บริโภคอาจได้รับสารก่อมะเร็งสะสมจากยา Ranitidine จึงให้มีการเรียกคืนยา Ranitidine รูปแบบยาเม็ด สำหรับรับประทานทุกทะเบียนตำรับยาและทุกรุ่นการผลิต รวมทั้งยาฉีดทั้งหมดยกเว้นบางทะเบียนตำรับยา โดยผู้รับอนุญาตทั้งผลิตและนำเข้าที่มีทะเบียนยา Ranitidine ได้สมัครใจเรียกเก็บคืนยาจากท้องตลาดไปจำนวนมากแล้ว
ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นวิตกว่าจะเกิดมะเร็งจากการได้รับยา Ranitidine เพราะการใช้ยานี้โดยปกติจะใช้รักษาในระยะเวลาเพียง 7-14 วัน และเนื่องจากสาร NDMA สามารถพบได้ในสิ่งแวดล้อม ทั้งในดินและน้ำ รวมถึงอาหารปิ้งย่างทั่วไป ปริมาณที่ยอมให้ปนเปื้อนได้ทั้งในสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะก่อให้เกิดมะเร็งได้ต้องใช้เวลาในการได้รับสารดังกล่าวนานถึง 70 ปี
สำหรับการปนเปื้อนสาร NDMA ในยา Ranitidine เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและอาจเกิดจากการสลายตัวของตัวยาเองด้วย รวมทั้งยังอาจเกิดจากขั้นตอนการผลิตเภสัชเคมีภัณฑ์ มิใช่ในขั้นตอนการผลิตยาสำเร็จรูป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้กับผลิตภัณฑ์ยา Ranitidine ที่จำหน่ายทั่วโลก
“ขอให้ประชาชนตรวจสอบยาที่ใช้อยู่ว่ามีตัวยาสำคัญชื่อ Ranitidine หรือไม่ หากมีขอให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในเรื่องการใช้ยาตัวอื่นในการรักษาต่อไป สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ขอให้ระงับการจ่ายยา Ranitidine รูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทานทุกทะเบียนตำรับยา รวมถึงยาปราศจากเชื้อสำหรับฉีดบางทะเบียนตำรับ และขอให้ใช้ยาอื่นในกลุ่ม H2-blockers เช่น Cimetidine Famotidine หรือยาในกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) เช่น Omeprazole Lansoprazole Pantoprazole แทนยา Ranitidine รูปแบบรับประทาน โดยขอให้ขึ้นอยู่กับแนวทางการรักษาของแต่ละโรค” รองเลขาธิการ อย.กล่าว .-สำนักข่าวไทย