กรุงเทพฯ 13 เม.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงเกณฑ์ Circuit Breaker จาก 2 ระดับ เป็น 3 ระดับ ให้ใช้บังคับเป็นการถาวร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผิดไปจากสภาพปกติและมีความผันผวนสูง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ (Circuit Breaker) จาก 2 ระดับ เป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 หากดัชนีปรับตัวลดลง 8 % หยุดพักการซื้อขาย 30 นาที และหลังเปิดซื้อขายรอบใหม่ หากดัชนียังลงไปอีกจนแตะ 15% จะหยุดซื้อขาย 30 นาที และหากดัชนีปรับตัวลงไปที่ 20 % หยุดพักการซื้อขาย 60 นาที แล้วจะเปิดให้ซื้อขายจนถึงเวลาปิดทำการปกติ โดยพบว่า ผลจากการใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวชั่วคราวตั้งแต่ 18 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนมีเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ดังนั้นจึงจะมีการใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการถาวร
นอกจากนี้ยังกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการดำเนินการเมื่อมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (Market Disruption) โดยให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถตัดสินใจดำเนินมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ดังกล่าว และสามารถพิจารณากำหนดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการชั่วคราวนั้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาเสนอซื้อขายสูงสุดหรือต่ำสุด เป็นรายหลักทรัพย์หรือทุกหลักทรัพย์ , เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาในการขายชอร์ต หรือห้ามหรือจำกัดการขายชอร์ตรายหลักทรัพย์หรือทุกหลักทรัพย์ , เปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขายรายหลักทรัพย์หรือทุกหลักทรัพย์ จากวิธีจับคู่อัตโนมัติ (Automatic Order Matching: AOM) เป็นวิธีการอื่น ,การปรับเพิ่มอัตราหลักประกันในการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดหรือการซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทมาร์จิ้น , เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์สำหรับการซื้อขายโดยอัตโนมัติ (Program Trading) ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด หรือห้ามการใช้ Program Trading ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งสองเรื่องดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป . – สำนักข่าวไทย